Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ข้อห่วงใยในการจับกุมนักข่าวและช่างภาพ ที่อาจเข้าข่ายคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพ

16 ก.พ. 2567 จากกรณีนักข่าวจากประชาไทและช่างภาพสื่อออนไลน์ที่ชื่อว่าสเปซบาร์ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากนั้น 1 วัน สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์ข้อห่วงใยในการจับกุมนักข่าวและช่างภาพ ที่อาจเข้าข่ายคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพ และเป็นการกระทำการเกินสมควรแก่เหตุ 

โดยสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ยืนยันว่าสื่อมวลชนมีหน้าที่รายงานข่าวสารตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิใช่คู่ขัดแย้งหรือเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้กระทำการใด

 

แถลงการณ์

ข้อห่วงใยในการจับกุมนักข่าวและช่างภาพ ที่อาจเข้าข่ายคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพ ในการปฏิบัติหน้าที่ และนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชน

ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง ได้นำเนินการจับกุมนายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพอิสระ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธุ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ว่าเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน กับ พ.ร.บ.ความสะอาด จากการไปปฏิบัติหน้าที่และรายงานข่าวถ่ายภาพบุคคลที่กำลังพ่นสีเขียนข้อความที่กำแพงวัดพระแก้วในวันที่ ๒๘ มี.ค.๒๕๖๖ ด้วยข้อหา “ เป็นผู้สนับสนุน ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ขีดเยียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งด้วยข้อความภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่พื้นถนน หรืออยู่ในที่สาธารณะ “ นั้น

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอแสดงความห่วงใยในการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอาจเข้าข่ายคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพในนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ การตั้งข้อกล่าวหา ยื่นต่อศาลในการออกหมายจับกุม และอายัดตัวไว้ในข้อกล่าวหาที่ไม่ได้มีโทษทางอาญาร้ายแรง อาจเป็นการกระทำการที่เกินสมควรแก่เหตุ ทั้งนี้สื่อมวลชนมีหน้าที่รายงานข่าวสารตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิใช่คู่ขัดแย้งหรือเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้กระทำการใด แม้กรณีดังกล่าวจะมีการสืบสวนในด้านที่ว่ามีการนัดหมายหรือไม่ก็ตาม แต่ในกระบวนการทำงานข่าวเป็นเรื่องจำเป็นที่สื่อมวลชนต้องพบปะหารือพูดคุยหรือสอบถามความคิดเห็นจากแหล่งข่าว เพื่อนำมาเสนออย่างถูกต้องครบถ้วนรอบด้าน การได้รับความน่าเชื่อถือของสื่อมวลชนจึงมาจากผลงานที่ปรากฎว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือไม่

สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอแสดงความห่วงใยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมนักข่าว และช่างภาพ ดังกล่าวข้างต้น ที่เป็นการกระทำการเกินสมควรแก่เหตุ และขอให้ดำเนินการทางคดีไปด้วยความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคบนหลักแห่งสิทธิมนุษยชนและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เพื่อไม่เป็นเหตุให้นำไปสู่การสร้างกระแสที่ก่อให้เกิดการสร้างความเกลียดชังในประเด็นที่อ่อนไหวของคนในสังคม

สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net