Skip to main content
sharethis

28 พ.ค. นี้ สปสช. เชิญชวนสถานพยาบาล คลินิกต่างๆ และร้านยา ทั่ว กทม. ประชุมรับฟังการชี้แจงข้อมูลการเข้าร่วมเป็น “หน่วยบริการนวัตกรรมในระบบบัตรทอง” พร้อมยื่นเอกสารสมัครขึ้นทะเบียนได้เลย ไม่ต้องวางเงินประกันสัญญา ร่วมดูแลคน กทม. เข้าถึงบริการสุขภาพภายใต้นโยบาย “ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาที่หน่วยนวัตกรรมทุกแห่งในพื้นที่ กทม.” พร้อมย้ำเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการภายใน 72 ชม. หลังยืนยันตัวตนเข้ารับบริการแล้ว

 

 

 

24 พ.ค. 2567 ทีมสื่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แจ้งข่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งดูแลประชาชนให้เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น โดยให้ดำเนินการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค ด้วยการเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเข้ารับบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) สอดคล้องกับมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ให้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

 

ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ขณะนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร (สปสช.เขต 13 กทม.) ได้มีการเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อน “ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาที่หน่วยนวัตกรรมทุกแห่งในพื้นที่ กทม.” แล้ว โดยได้เชิญชวนสถานพยาบาล คลินิกต่างๆ และร้านยา รวม 7 ประเภท ในพื้นที่ กทม. ประกอบด้วย 1.คลินิกเวชกรรม 2.คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ 3.คลินิกหันตกรรม 4.คลินิกเทคนิคการแพทย์ 5.คลินิกการแพทย์แผนไทย 6.คลินิกกายภาพบำบัด และ 7. ร้านยา GPP+ร้านยาคุณภาพ มาร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้บริการดูแลผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท โดยในวันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 – 15.00 น. จะมีการจัดประชุมชี้แจงการเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบฯ ซึ่งจะมีผู้แทนสภาวิชาชีพแต่ละประเภทมาร่วมให้ข้อมูลในครั้งนี้ พร้อมกับการเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมดูแลประชาชนในระบบบัตรทอง ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. โดยสามารถกรอกแบบตอบรับร่วมประชุมตามลิงค์นี้ได้ https://qrcd.org/5GE5  

 

สำหรับข้อมูลชี้แจงการเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมฯ อาทิ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการเบิกจ่าย การเตรียมการบันทึกข้อมูลเพื่อขอรับค่าชดเชย การยืนยันตัวตน และแนวทางการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการนวัตกรรม เป็นต้น ส่วนการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการนั้น เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค ก่อนหน้านี้ สปสช. ได้มีการปรับระบบการเบิกจ่ายให้มีความรวดเร็ว และสร้างความมั่นใจให้กับหน่วยบริการที่เข้าร่วม โดยหน่วยบริการนวัตกรรมจะได้รับการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการภายใน 72 ชั่วโมง หลังยืนยันการเข้ารับบริการในกรณีที่มีการเบิกจ่ายที่ถูกต้อง  

 

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ส่วนของเอกสารที่ใช้ในการสมัคร ได้แก่ ใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน (แบบ ข.ย.5) สำหรับร้านยา ส่วนสถานพยาบาลประเภทอื่นไม่ต้องใช้เนื่องจากเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพแล้ว, หนังสือมอบอำนาจและเอกสารผู้รับมอบอำนาจ (กรณีมีมอบอำนาจ) บัญชีธนาคารพร้อมสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (Book Bank) โดยชื่อบัญชีต้องตรงกับชื่อหน่วยบริการ หรือนิติบุคคล หรือชื่อผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล สพ.7 ทั้งนี้การสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมนั้น ไม่ต้องวางหลักประกันสัญญาและจะมีการประกาศขึ้นทะเบียน และลงนามนิติกรรมภายใน 5 วันทำการ

 

“สปสช. ขอเชิญชวนหน่วยบริการเอกชนมาร่วมสมัครเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมกับ สปสช. ในวันที่ 28 พ.ค. 67 นี้ โดยนำเอกสารต่างๆ มายื่นสมัครพร้อมรับฟังการชี้แจงข้อมูลและซักถามรายละเอียดได้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ สปสช. มาคอยช่วยอำนวยความสะดวกการสมัครขึ้นทะเบียนให้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่ไม่สะดวกก็สามารถยื่นสมัครภายหลังผ่านระบบออนไลน์ได้เช่นกัน https://ossregister.nhso.go.th/#/public-portal” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
 
  • แบบตอบรับเข้าร่วมประชุมชี้แจงการเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. : https://qrcd.org/5GE5
 
  • สมัครขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ One Stop Service ผ่านระบบออนไลน์ : https://ossregister.nhso.go.th/#/public-portal
สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net