Skip to main content
sharethis

สปสช. ลงพื้นที่ จ.อุทัยธานี ติดตามผลการดำเนินการนโยบาย “ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” เผยมีหน่วยบริการนวัตกรรมในพื้นที่ 42 แห่ง ขณะที่ 2 ผู้ประกอบการ “คลินิกแพทย์แผนไทย-คลินิกทันตกรรม” เผยสาเหตุสมัครเข้าร่วม เพราะอยากให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิบัตรทอง เพิ่มความสะดวกรับบริการตามสิทธิ พร้อมระบุมีเด็กๆ ได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้น



ทีมสือ สปสช. แจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดย ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนการเข้าถึงบริการปฐมภูมิ และการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค สปสช. พร้อมด้วย นพ.เอกรินทร์ อุ่นอบ ผู้อำนวยการ สปสช.เขต 3 นครสวรรรค์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ติดตามการดำเนินการ “หน่วยบริการนวัตกรรม” ภายใต้นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวที่ “คลินิกการแพทย์แผนไทยหมอเพชรชรัตน์” ต.วังหิน อ.บ้านไร่ และ “คลินิกทันตกรรมหมอสอง” ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พร้อมรับฟังสรุปผลการให้บริการ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้ประกอบการคลินิกที่เข้าโครงการ ทั้งนี้ จ.อุทัยธานี เป็น 1 ใน 33 จังหวัดล่าสุดที่ถูกเลือกให้ดำเนินโครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ ในระยะ 3 (เฟส 3) โดยเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้มี 45 จังหวัดที่ดำเนินการ

ภก.คณิตศักดิ์ กล่าวว่า จ.อุทัยธานี เป็นพื้นที่ที่มีภาคเอกชนสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมอย่างคับคั่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ จะได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นและมีความสะดวกมากขึ้น
อีกทั้งเป็นโอกาสสำคัญทำให้คลินิกเอกชนที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการได้ใช้วิชาชีพดูแลผู้ป่วย มีความภาคภูมิใจในการได้ช่วยเหลือประชาชน นอกจากรายได้ที่ได้เพิ่มหลังเข้าร่วมโครงการ

“ขณะนี้มีหน่วยบริการนวัตกรรมเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ และหลายที่มีความพร้อมให้บริการ แต่สิ่งที่อยากเน้นย้ำคือ การขอความร่วมมือไปยังหน่วยบริการนวัตกรรมให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เดินหน้า และเกิดประสิทธิภาพกับประชาชนมากที่สุด” ภก.คณิตศักดิ์ กล่าว

นพ.เอกรินทร์ อิ่มอบ ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 3 นครสวรรค์ กล่าวว่า จ.อุทัยธานี มีประชากรอยู่ราว 2.8 แสนคน เป็นสิทธิบัตรทอง 2.3 แสนคน เป็นพื้นที่ที่มีหน่วยบริการนวัตกรรมทั้ง 7 ประเภท เข้าร่วมโครงการฯ อย่างคับคั่ง กระจายครอบคลุมทั่วพื้นที่ ซึ่งจากโครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ ปัจจุบันมีหน่วยบริการนวัตกรรมร่วมให้บริการจำนวน 42 แห่ง โดยจากที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 – 23 พ.ค. 2567 พบว่ามีประชาชนสิทธิบัตรทองรับบริการแล้วจำนวน 12,637 คน รวมเป็นจำนวน 16,315 ครั้ง สปสช. ได้ดำเนินการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการแล้วจำนวน 5.1 ล้านบาท

ส่วนขั้นต่อไปนั้น สปสช.เขต 3 นครสวรรค์ ที่รับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ชัยนาท และพิจิตร จะร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) 5 จังหวัดนี้ เพื่อร่วมกันติดตามผลการดำเนินงานตามโครการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการกับประชาชนต่อไป
        
ด้าน ทพ.ศานิต วงศ์เวช คลินิกทันตกรรมหมอสอง กล่าวว่า หลังจากที่ได้ร่วมให้บริการตามนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับ มีประชาชนสิทธิบัตรทองเข้ารับบริการเฉลี่ย 8 รายต่อวันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่จุดสำคัญคือ ผู้มารับบริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กๆ ที่ผู้ปกครองพามา ซึ่งแต่เดิมแม้ว่าเด็กๆ เหล่านี้จะมีสิทธิบัตรทอง แต่การรับบริการแต่ละครั้งจะต้องพาไปที่โรงพยาบาลจังหวัด ทำให้มีค่าใช้จ่ายเดินทางและไม่สะดวก แต่เมื่อมีคลินิกทันตกรรมเข้าร่วม ก็ทำให้เด็กๆ กลุ่มนี้ได้รับการดูแลสุขภาพช่องปาก สามารถทำฟันได้ทั่วถึง

พท.บ. (การแพทย์แผนไทยบัณฑิต) เพชรชรัตน์ ก้อนเกษ แพทย์แผนไทยและเจ้าของคลินิกการแพทย์แผนไทยหมอเพชรชรัตน์ กล่าวว่า เพิ่งลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรม และได้เปิดให้บริการกับประชาชนสิทธิบัตรทอง เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งช่วง 1 สัปดาห์ มีประชาชนในหมู่บ้าน ชุมชน ที่เป็นสิทธิบัตรทองมารับบริการบ้างแล้ว และยังมีการบอกต่อคนในชุมชนว่า สิทธิบัตรทองมาใช้บริการนวดแผนไทยเพื่อรักษาอาการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ก็ทำให้ประชาชนเริ่มสนใจมารับบริการมากขึ้น
        
“ที่เข้าร่วมเพราะคิดว่า แม้ ต.วังหิน เป็นชุมชนที่ไม่อยู่ในเขตตัวเมือง และห่างจากตัวอำเภอบ้านไร่ แต่ประชาชนก็ควรได้รับการดูแล และได้รับบริการจากแพทย์แผนไทยตามสิทธิที่ควรจะได้รับ จึงเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในโครงการ ซึ่งก็ทำให้จากเดิมที่ประชาชนสิทธิบัตรทอง ไม่เคยมาใช้บริการเลย เพราะต้องจ่ายเงินเอง แต่เมื่อมีโครงการฯ ก็ทำให้เข้าถึงบริการได้อย่างดี และไม่มีค่าใช้จ่าย” เจ้าของคลินิกการแพทย์แผนไทยหมอเพชรชรัตน์ กล่าว

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net