Skip to main content
sharethis

'เศรษฐา' ลงพื้นที่เชียงใหม่-พูน เปิดงาน 'เปิดเมืองน่าเที่ยว' ประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด มอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองน่าเที่ยว - พบปะเกษตรกรชาวสวนลำไย จ.ลำพูน ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับเกษตรกร การันตีราคาลำไยต้องไม่ตกลง และมีราคาที่ดีขึ้น

8 มิ.ย. 67 เวลา 10.15 น. ณ ตลาดจริงใจมาร์เก็ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดงาน “เปิดเมืองน่าเที่ยว” ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงาน

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงได้เยี่ยมชมร้าน Good Goods สินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ผ่านการพัฒนาคุณภาพและออกแบบให้มีความร่วมสมัย สู่ผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยสไตล์สากล ด้วยความปรารถนาที่จะสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม และสนับสนุนชุมชนไทยให้มีความสุขอย่างยั่งยืน กำไรทั้งหมดนำไปพัฒนาชุมชนเพื่อรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป ซึ่งภายในร้านแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โซนอาหารและกาแฟ โซนแฟชั่น โซนคราฟต์ ของแต่งบ้าน และงานศิลปะ พร้อมทั้งเดินชมบูธประสบการณ์ท่องเที่ยวใน 55 เมืองน่าเที่ยวของ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย ผ่านแนวคิด 5 Must Do in Thailand ประกอบด้วย 1. Must Eat: อิ่มอร่อย 5 ภูมิภาค และสาธิตการทำอาหารประจำถิ่น 2. Must See: ละลานตาวัฒนธรรม ด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ-ฟ้อนขันดอก ฟ้อนแง้นภาคใต้ - ระบำชนไก่ โนราห์ ภาคอีสาน - เซิ้งกะลากะโป๋ เซิ้งไข่มดแดง ภาคตะวันออก - Colorful บูรพา ภาคกลาง – ศิลปะการต่อสู้โบราณ และการแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ได้แก่ วันที่ 8 มิ.ย. เวลา 16.00 – 17.00 น. อ้อม รัตนัง โฟล์คซองล้านนา เวลา 19.00 – 20.00 น. ซาร่า ซาโลลา วันที่ 9 มิ.ย. เวลา 12.00 – 13.00น. เดอะ เพอะ 14.00 – 15.00 น. เบล วริศรา17.00 – 18.00 น. ป๊อป ปองกูล 3. Must Seek: แสวงหา unseen ถิ่นน่าเที่ยวด้วยการตั้งบูธประชาสัมพันธ์เส้นทางการท่องเที่ยว ตลอดจนสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของเมืองน่าเที่ยวใน 5 ภูมิภาค ด้วยการให้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวและโปรโมชั่นพิเศษต่าง ๆ 4. Must Buy: หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก นำเสนอสินค้าและหัตถกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของ 5 ภูมิภาค 5. Must Beat: สุดยอดกีฬาท้าทายกายใจ อาทิ มวย วิ่ง จักรยาน แข่งเรือ นำเสนออีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในพื้นที้เมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ

โอกาสนี้ นายกฯ กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเป็นประธานเปิดงาน “เมืองน่าเที่ยว” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาลตามนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND เพื่อมุ่งผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก เป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยเป็นเมืองน่าเที่ยว หลาย ๆ โพลล์ หลาย ๆ สำนัก ต่างบอกว่าประเทศไทยมีจุดแข็งด้านอาหาร เกาะต่าง ๆ ที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งเป็นจุดขายหลักของประเทศไทย แต่เมื่อเกิดโรคโควิด-19 การท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเรานั้นก็สะดุดไป แต่รัฐบาลภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตระหนักดีถึงความสำคัญในการปลุกตลาดการท่องเที่ยวขึ้นมาอีกครั้ง โดยเรามีแนวคิด 5 Must Do in Thailand นำเสนอเสน่ห์ไทย ด้วย Must Eat : อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่นทั่วไทย Must See : ละลานตา วัฒนธรรมไทย Must Seek : Unseen ถิ่นน่าเที่ยว Must Buy : หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก และ Must Beat : สุดยอดกีฬา ท้าทายกายใจ ซึ่งเป็นความคิดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวของไทยจะเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มศักยภาพได้นั้น ไม่ใช่แค่เรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีหรือมีนิทรรศการต่าง ๆ มี Festival มีคอนเสิร์ตระดับโลกเพียงอย่างเดียว แต่เราจะต้องสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตระหนักดีถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่สูง ซึ่งเราพยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศใช้จ่ายอย่างเหมาะสม

นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้จะมีการเดินทางไปที่จังหวัดลำพูนและลำปางด้วย เพื่อไปดูการท่องเที่ยวเชิงอารยธรรม การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิต เพราะฉะนั้นการ kick off ในวันนี้จะไม่ใช่การ kick off แค่จังหวัดในภาคเหนืออย่างเดียว แต่เราจะมีการ kick off ในภาคใต้ ภาคอีสานด้วยเช่นกัน เพราะแต่ละภูมิภาคมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งรัฐบาลมองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ โดยรัฐบาลมีความมุ่งมั่นและคาดหวังที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ อยากขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมทการท่องเที่ยว สุขทันทีที่เที่ยวไทยและสร้างความทรงจำที่ประทับใจอย่างไม่รู้ลืม

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำหนดจัดกิจกรรม “เปิดเมืองน่าเที่ยว” ที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ต อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-9 มิ.ย. 2567 เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ของรัฐบาล ในการที่จะมุ่งผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก โดยหนึ่งใน 5 กลยุทธ์ที่สำคัญในการจุดพลังการท่องเที่ยวไทย ได้แก่ เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว โดยจะเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง นำเสนอศักยภาพและความพร้อมของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวเพื่อเปลี่ยนเมืองรองสู่เมืองน่าเที่ยว พร้อมกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ด้วยแนวคิด 365 วัน มหัศจรรย์เมืองน่าเที่ยว สร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมทั้งกระจายรายได้สู่เมืองน่าเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น

ประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด มอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองน่าเที่ยว

เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมตลาดจริงใจมาร์เก็ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลําพูน ลําปาง แพร่ และน่าน) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวเขตภาคเหนือ “เมืองล้านนาน่าเที่ยว” โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่่ฮ่องสอน ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย

นายกฯ ได้รับฟังการนำเสนอข้อมูลเพื่อขอรับการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองน่าเที่ยวจากทั้ง 5 จังหวัด (เชียงใหม่ ลําพูน ลําปาง แพร่ และน่าน) ดังนี้

1. จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้นำนโยบาย IGNITE TOURISM ของรัฐบาลมาขับเคลื่อนผ่านกิจกรรมท่องเที่ยว 12 เดือน 12 ธีม ส่งมอบ 12 ประสบการณ์ความประทับใจ สอดคล้องกับที่ จ.เชียงใหม่มีการท่องเที่ยวที่เป็น High Season และ Low season เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยแม้ขณะนี้เป็นฤดูฝนและตัวเลขผู้ใช้สนามบินจากที่คาดการณ์ว่าจะต่ำกว่า 15,000 คน กลับเป็น 21,000 คน ถือเป็นการทำได้ในการยกระดับผู้มาเยี่ยมเยือนได้สูงมาก ตัวเลขเฉลี่ยคนเข้าเชียงใหม่เดือนหนึ่ง ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ซึ่งทำได้แล้ว 4 เดือนเกิน 4 ล้านคนแล้ว และรายได้วันนี้เพิ่มขึ้น 24% จากปี 2566 รวมทั้งอัตราการเข้าพักก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเน้นการขยายวันพักจาก 2 - 3 วัน เป็น 3 - 4 วัน อีกทั้งเชียงใหม่ยังเป็นเมืองหลักที่ดี ที่จะกระจายผู้มาเยี่ยมเยียนไปสู่เมืองรองภาคต่าง ๆ ได้ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางการบินที่จะสามารถส่งต่อให้ยังเมืองหลักในภูมิภาคอื่น ได้ด้วย

2. จังหวัดลำปาง รายงานอุปสรรคปัญหาของจังหวัด เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เนื่องจากลำปางมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทั้งด้านธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วิถีชีวิตของการท่องเที่ยวโดยชุมชน ดังนั้น เห็นควรส่งเสริมพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว และควรได้รับการปรับปรุงถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีต สายทางเข้าอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเชื่อมสายทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 1252 โดยขอสนับสนุนงบฯ จากรัฐบาลในการดำเนินการดังกล่าว

3. จังหวัดน่าน รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวจังหวัดน่าน 2566 (ม.ค. - ธ.ค.66) พบว่ามีผู้มาเยี่ยมเยือน 1,570,213 คน อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 74.24% ค่าใช้จ่ายต่อทริป 2,779.90 คน/ทริป รายได้รวม 4,414.65 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับคือ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และอังกฤษ ตามลำดับ รวมทั้งจังหวัดน่านรายงานถึงการสนับสนุนขับเคลื่อนให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงท่องเที่ยวกับเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจากต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น ยกระดับการท่องเที่ยวจังหวัดน่านสู่ระดับสากล จังหวัดมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากขึ้น

4. จังหวัดลำพูน นำเสนอความเป็นมาและอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัด โดยย้ำถึงความเป็นมาว่าจังหวัดลำพูน เดิมชื่อเมืองหริภุญชัย มีอายุกว่า 1,300 ปี ถือเป็นเมืองเก่าที่มีพื้นที่ที่เล็กที่สุดในภาคเหนือ รวมทั้งงานสลากย้อมหนึ่งเดียวในโลก งานเทศกาลโคมแสนดวง อำเภอเมือง มูลค่าจากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่าปีละ 10 ล้านบาท ทังนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 จำนวน 1,800 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวประมาณ 1,200,000 คน ซึ่งในปี 2567 ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มยอดจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 7 และมูลค่าจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 1,930 ล้านบาท รวมถึงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ รองรับผู้มาเยี่ยมเยือน

5. จังหวัดแพร่ ได้ย้ำถึงศักยภาพของจังหวัดแพร่ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านอาหาร ประเพณีและวัฒนธรรรมท้องถิ่น ตลอดจนเทศกาลสำคัญเช่นเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 17 เมษายน (หม้อห้อม เมืองแพร่) รวมทั้งได้รายงานการสำรวจพื้่นที่โครงการการขยายพัฒนาท่าอากาศยานแพร่ ของกรมท่าอากาศยาน ด้วย ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยว (ตั้งแต่ปี 2565 - 2567) จำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้ที่มาจากผู้มาเยี่ยมเยือนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้รับฟังผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้ง 5 จังหวัดเสนอความเห็นด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม รวมทั้งรับฟังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตพื้นที่จังหวัดเมืองน่าเที่ยว เสนอความเห็นด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม จากนั้น นายกฯ มอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองน่าเที่ยว ดังนี้

นายกฯ กล่าวย้ำถึงกรณีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเชียงใหม่มากขึ้นกว่าในช่วงโควิด และระยะการอยู่ก็ยาวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งตรงนี้อยากให้ทำให้นักท่องเที่ยวอยู่ได้นานขึ้นอีก โดยนอกจากการใช้เอกลักษณ์ที่โดดเด่น ทั้งศิลปวัฒนธรรม ประเพณี กิจกรรมท่องเที่ยวและสินค้าต่าง ๆ ของท้องถิ่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว เนื่องจากสถานการณ์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป จึงขอให้พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวและปรับกิจกรรมการท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวด้วย เช่น กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเกาหลี ฯลฯ โดยฝากให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดูเรื่องการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนีี้ รวมถึงการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญ จึงขอให้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับ AOT เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามามากขึ้นและให้ได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย

นายกฯ ย้ำว่าจังหวัดลำปาง ยังเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง และต้องการพัฒนาเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งเรื่องถนนที่ขอมานั้นก็ได้มีการอนุมัติให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะอยู่ในงบฯ ปี 68 และปี 69 และกล่าวว่า พร้อมสนับสนุนจังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก โดยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ควบคู่กับการอัปเกรดสนามบินให้บินได้ในเวลากลางคืน ขับเคลื่อนให้เป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง เกิดการเดินทางที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ทั้งหลวงพระบางและน่าน ซึ่งตรงนี้เป็นนโยบายรัฐบาล เรื่องของ 5 Countries 1 Destination ที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงของการเดินทางมาท่องเที่ยว ทั้งที่ลาว มาเลเซีย เวียดนาม และประเทศไทยด้วย

นายกฯ กล่าวถึงจังหวัดลำพูน ว่า เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง มีอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่โดดเด่น และมีสถานที่ท่องเที่ยวมาก รวมถึงการไปมาหาสู่ก็มีสนามบินเชียงใหม่รองรับ แต่สิ่งสำคัญต้องมาดูภาพรวมของมหภาคใหญ่ของเศรษฐกิจ เรื่องของผลิตภัณฑ์จังหวัด (GPP) ยังต่ำอยู่ ตรงนี้อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้าง ซึ่งในช่วงบ่ายนายกฯ จะลงพื้นที่จังหวัดลำพูน คาดจะได้แนวทางในการจะปรับโฉมจังหวัดลำพูนให้เป็นเมืองน่าเที่ยวได้ โดยลำพูนเป็นจังหวัดที่มีอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่ดี รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่

นายกฯ ย้ำว่า สิ่งที่จังหวัดแพร่ดำเนินการในเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่เป็นการเสริมกันกับเมืองหลักเป็นเรื่องดี เพราะไม่ต้องมาแข่งกันแต่เป็นการเสริมกัน และไม่อยากให้ใช้ว่าเมืองรอง เพราะจะเป็นการด้อยค่าในศักยภาพที่มีอยู่จริง จึงขอให้ใช้เป็นเมืองน่าเที่ยว มากกว่า ให้สอดคล้องกับศักยภาพด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั้งด้านอัตลักษณ์ต่าง ๆ และวัฒนธรรมที่โดดเด่น 

นายกฯ ยังหารือถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำหรับปีนหน้าผาหรือปีนเขา ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่วนกรณีที่ติดขัดอุปสรรคปัญหาใดที่จะเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวกิจกรรมดังกล่าว มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าดำเนินกิจกรรมดังกล่าวได้ ส่วนเรื่อง PM 2.5 เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะต้องช่วยกัน และดำเนินงานเรื่องการประสานงานระหว่างกันอย่างต่อเนื่องและให้ดีขึ้น ส่วนเรื่องที่ สส. แต่ละจังหวัดเสนอมา รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุนและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งเรื่องการพัฒนาเส้นทางคมนาคมให้เกิดการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างพื้นที่ต่าง ๆ และการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่ขณะนี้การเดินทางเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติต่าง ๆ ยังไม่สะดวกเท่าที่ควร โดนนายกฯ มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในเรื่องนี้ นอกจากนี้ นายกฯ พร้อมสนับสนุนกิจกรรมรถม้าคานิวัล จังหวัดลำปาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์รถม้า ทำให้ผู้ที่ประกอบอาชีพสารถีรถม้ายังคงอยู่ต่อไปได้

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือฯ นายกฯ ได้ไปติดตามแนวทางการพัฒนาสวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ ณ สวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายกฯ ได้กล่าวชื่นชมว่าเป็นแนวคิดที่ดี สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้ออกกำลังกาย หรือมาพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งนี้ นายกฯ ได้ย้ำให้ประสานงานกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินการมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

สักการะพระธาตุหริภุญชัย เยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย สั่งการ ผวจ.ลำพูน-วธ.-กก. ร่วมพลิกฟื้น จ.ลำพูน

เวลา 13.10 น. ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายเศรษฐา สักการะพระธาตุหริภุญชัย พบปะชุมชนทำโคมลำพูน (ผู้ผลิตโคมบูชาส่งให้วัดเพื่อพุทธศาสนิกชนได้บูชาช่วงเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน) และพบปะกลุ่มคนถีบสามล้อลำพูน โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ กราบสักการะพระมหามุนีศรีหริภุญชัย และเข้ากราบนมัสการพระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร โดยนายกฯ ได้รับพระรอด พร้อมกับรับพรจากเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จากนั้นนายกฯ นมัสการพระธาตุหริภุญชัย เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกทั้งได้พบปะชุมชนทำโคมลำพูน (ผู้ผลิตโคมบูชาส่งให้วัดเพื่อพุทธศาสนิกชนได้บูชาช่วงเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน) และรับชมการสาธิตทำโคมล้านนา

จากนั้น นายกฯ รับฟังประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย จังหวัดลำพูน พร้อมกับสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยกันดำเนินการเพื่อพลิกฟื้นจังหวัดลำพูน เสร็จแล้วนายกฯ เดินรับชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย พร้อมกับรับหนังสือจากกลุ่มพลถีบรถสามล้อ ซึ่งขอสนับสนุนงบประมาณในการจัดหามอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อติดตั้งให้กับรถสามล้อ โดยนายกฯ มอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามข้อเสนอภายใน 10 วัน

เวลา 15.30 น. นายเศรษฐา ได้พบปะเกษตรกรชาวสวนลำไย ณ แปลงใหญ่ลำไย ตำบลริมปิง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยนายกฯ รับฟังสถานการณ์ราคาลำไยจากตัวแทนเกษตรกรชาวสวนลำไยในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ลำไยมีราคาที่ไม่น่าเป็นห่วง โดยนายกฯ กล่าวว่า ลำไยเป็นพืชหลักของภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน นโยบายของรัฐบาลไม่ได้ดูแลแต่พืชหลัก เช่น ข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย แต่รวมถึงพืชรองหลาย ๆ อย่างด้วย เช่น ลำไย ซึ่งลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคเหนือ พื้นที่เพาะปลูกครึ่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนนั้นปลูกลำไยทั้งหมด ทั้งนี้ ฤดูลำไยที่จะมาถึงนี้ รัฐบาลต้องดูแลเรื่องของราคาให้ดี ซึ่งได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า การดูแลพืชรองลำไยนั้น เราต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมในแง่ของการเปิดตลาดใหม่ ๆ เพื่อดูด Supply ออกไปก่อน เพื่อทำให้ราคาลำไยสูงขึ้น สำหรับการคิดที่ว่าราคาจะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมานั้นเป็นความคิดที่ยังไม่ดีพอ รัฐบาลต้องการทำให้ราคาลำไยนั้นสูงขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นการหาตลาดใหม่มีความจำเป็น ซึ่งได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนพูดคุยกับตัวแทนมณฑลกวางเจา ประเทศจีน ที่จะดูด Supply จากสวนลำไยของเราทั้งหมดออกไป ซึ่งจะส่งผลให้ราคาลำไยดีขึ้น

นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องคุณภาพของลำไยนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่มีความเป็นห่วงการหาตลาดใหม่ เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่สูงขึ้น ส่วนในแง่ของต้นทุน ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ ได้มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ามาดูแลในส่วนนี้ให้ดี อีกทั้งการแปรรูปลำไยนั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นลำไยอบแห้ง ปัจจุบันนำมาทำเป็นกาแฟลำไย ถือว่าเกษตรกรได้พัฒนาลำไยให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ โดยการลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างภาพ เพราะรัฐบาลนั้นให้ความสำคัญกับเกษตรกร ซึ่งการมาในวันนี้เป็นการการันตีว่าราคาลำไยต้องไม่ตกลง และมีราคาที่ดีขึ้น

 

ที่มาเรียบเรียงจากเว็บไซต์รัฐบาลไทย [1] [2] [3] [4]



 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net