ว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) ให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะใช้เสียงสนับสนุนที่ท่วมท้นจนได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง มาสร้างความเเข็งเเกร่งให้กับประเทศใหม่อีกครั้ง

 เคียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) ว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ขณะต่อสายโทรศัพท์คุยกับนายโจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ | ที่มาภาพ: Number 10 (CC BY-NC-ND 2.0) 

6 ก.ค. 2567 VOA  รายงานว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) ให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะใช้เสียงสนับสนุนที่ท่วมท้นจนได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง มาสร้างความเเข็งเเกร่งให้กับประเทศใหม่อีกครั้ง

เขามีถ้อยเเถลงบริเวณด้านนอกของบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ซึ่งเป็นที่พักประจำตำแหน่งและทำเนียบผู้นำประเทศ หลังจากพรรคเเรงงาน หรือ Labour ของเขาชนะพรรคอนุรักษ์นิยม หรือ Conservative ที่เป็นฝ่ายรัฐบาลยาวนาน 14 ปีซึ่งเต็มไปด้วยเหตุการณ์ผันผวน

สตาร์เมอร์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจะใช้เวลา และเขาต้องการฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนต่อการเมือง

"การขาดศรัทธานี้จะเยียวยารักษาได้ด้วยการทำให้เห็นเท่านั้น ไม่ใช่เเค่คำพูด" เขากล่าว

ความตื่นเต้นดีใจของประชาชนที่ออกมาเเสดงความยินดีต่อเขาที่ถนนดาวนิ่ง สะท้อนภาพที่เคยเกิดขึ้นเมื่อโทนี เเบลร์แห่งพรรคเเรงงานขึ้นมาเป็นนายกฯ อังกฤษในปี 1997

การเมืองภายใต้การนำประเทศของพรรคอนุรักษ์นิยม ทำให้พรรคดังกล่าวถูกปฏิเสธจากประชาชนอย่างชัดเเจ้งในผลกรเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดี

รอยเตอร์รายงานว่า พรรคเเรงงานได้ที่นั่งกว่า 410 เก้าอี้ เกินกึ่งหนึ่งของสภาอังกฤษที่มี 650 ที่นั่ง และเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อนถึง 211 ที่นั่ง

ขณะที่พรรค Conservative ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพรรคการเมืองที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกตะวันตก เสีย 250 ที่นั่ง นักการเมืองที่อยู่ในคณะรัฐมนตรี หลายคนสอบตก รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์

สตาร์เมอร์กล่าววว่า ผลเลือกตั้งส่งสัญญาณว่าชาวอังกฤษต้องการเริ่มต้นใหม่

"ไม่ว่าพายุในประวัติศาสตร์จะรุนเเรงเเต่ไหน หนึ่งในจุดเเข็งของประเทศนี้คือความสามารถของเราที่จะเดินทางผ่านไปยังน่านนำ้ที่นิ่งกว่าเสมอ" สตาร์เมอร์กล่าว

ความพ่ายเเพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรค Conservative ทำให้นายกรัฐมนตรีริชี ซูเเน็กลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นสตาร์เมอร์ผู้รับตำแหน่งเเทนเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3

ซูเเน็กกล่าวว่า "ก่อนอื่นเลย ผมอยากจะบอกกับประเทศว่าผมขอโทษ" และเสริมว่าตนจะยังคงเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งบุคคลอื่นมารับหน้าที่เเทน

ในช่วงที่พรรค Conservative บริหารประเทศ อังกฤษเผชิญช่วงที่ท้าทายหลายด้าน เช่นการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เศรษฐกิจที่ชะลอตัว วิกฤตค่าครองชีพ ตลอดจนบริการสาธารณะที่อยู่ในสภาพย่ำแย่ และการจัดการกับการระบาดของโควิด-19 ที่โดนวิจารณ์หนัก

ซูเเน็กกล่าวว่า "ผมทุ่มเทอย่างที่สุดเท่าที่สามารถทำได้กับงานของผม แต่พวกคุณได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าอังกฤษต้องมีรัฐบาลใหม่ และเสียงของพวกคุณคือคำพิพากษาเดียวมีความหมาย ผมได้ยินเสียงความโกรธ และความผิดหวังของคุณ และผมขอเเสดงความรับผิดชอบต่อความพ่ายเเพ้นี้"

ปัญหาเศรษฐกิจ ภาระภาษีและหนี้ ที่รอรัฐบาลใหม่อยู่ ขณะที่บริการด้านสุขภาพต่อประชาชนภายใต้หน่วยงาน National Health Service ซึ่งเคยเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวอังกฤษ ไม่สามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิมจากการเกิดเหตุผละงานประท้วงหลายครั้ง

นายกรัฐมตรีสตาร์เมอร์ แต่งตั้งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลแล้ว ซึ่งรวมถึง ราเชล รีฟส์ ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเเรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ

ตำแหน่งรองนายกฯ ตกเป็นของแอนเจลา เรย์เนอร์ ส่วนกระทรวงต่างประเทศมี เดวิด ลามีเป็นผู้กุมบังเหียนคนใหม่