Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตรวจสอบโครงการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเป็นพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ อบต. ป่าหุ่ง จ.เชียงราย ชี้สถานที่ตั้งโครงการไม่เหมาะสมและขาดการมีส่วนร่วม กระทบสิทธิการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2567 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์  ภัยหลีกลี้ และนางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 32/2567 โดยมีวาระสำคัญดังนี้

กสม. ตรวจสอบโครงการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเป็นพลังงานไฟฟ้า ในพื้นที่ จ. เชียงราย ชี้สถานที่ตั้งโครงการไม่เหมาะสมและขาดการมีส่วนร่วม กระทบสิทธิการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน

นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือน มิ.ย. 2566 ระบุว่า โครงการบริหารและจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเป็นพลังงานไฟฟ้าระบบปิด ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ดำเนินการโดย องค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง (อบต. ป่าหุ่ง) ล้อมรอบด้วยชุมชนกว่า 11 หมู่บ้าน วัด โบราณสถาน แหล่งน้ำ และพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งประชาชนในพื้นที่ไม่ทราบข้อมูลมาก่อนกระทั่งมีการกว้านซื้อที่ดินเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ผู้ร้องเห็นว่า โครงการฯ ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึงจากประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ และไม่ได้รับการชี้แจงข้อมูลที่เพียงพอจากหน่วยงานในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีข้อห่วงกังวลถึงผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากจะมีการนำขยะจำนวนมากจากนอกพื้นที่เข้ามาเพื่อผลิตไฟฟ้า อาจเกิดปัญหามลพิษและกระทบต่อแหล่งน้ำอุปโภคและบริโภค จึงขอให้ตรวจสอบ

กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 43 ได้รับรองสิทธิของบุคคลและชุมชนในการมีส่วนร่วมจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งสามารถเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐให้ดำเนินการใดอันจะเป็นประโยชน์ หรืองดเว้นการดำเนินการใดอันจะกระทบต่อความเป็นอยู่อย่างสงบสุขของประชาชนหรือชุมชน และมาตรา 41 ได้รับรองสิทธิของบุคคลและชุมชนในการรับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ โดยรัฐต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โครงการฯ ของ อบต. ป่าหุ่ง ผู้ถูกร้อง เป็นการมอบหมายให้เอกชนดำเนินการหรือร่วมดำเนินการกําจัดมูลฝอย โดยมีกำลังผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ในพื้นที่หมู่ที่ 12 บ้านห้วยประสิทธิ์ ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2556 โดยเป็นที่ราบที่ประชาชนใช้ทำการเกษตรและมีชุมชนอยู่โดยรอบ มีคลองชลประทานขนาดใหญ่ไหลผ่านพื้นที่ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของโครงการอนุรักษ์ต้นน้ำห้วยทรายงามอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้ประชาชนบ้านห้วยประสิทธิ์ มีน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภคและทำการเกษตรตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ในบริเวณพื้นที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ยังตรวจสอบพบโบราณสถานและแหล่งโบราณคดีเก่าแก่ 3 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านห้วยประสิทธิ์ ตำบลป่าหุ่ง และบ้านท่าดีหมี ตำบลเมืองพาน ด้วย

กสม. เห็นว่า การเลือกพื้นที่ตั้งโครงการในพื้นที่ดังกล่าว ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสิทธิในการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งกระทบต่อแหล่งโบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ จึงเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนต่อโครงการฯ เห็นว่า อบต. ป่าหุ่ง ผู้ถูกร้อง ได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นประชาชน พ.ศ. 2548 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 ณ ศาลาอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง แต่ไม่ได้ระบุสถานที่ตั้งโครงการฯ อย่างชัดเจนและไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่โครงการฯ และพื้นที่ใกล้เคียง กสม. เห็นว่าการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเป็นสิทธิเชิงกระบวนการอย่างหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนไปสู่การคุ้มครองสิทธิเชิงเนื้อหา การที่ผู้ถูกร้องจัดรับฟังความคิดเห็นและให้ข้อมูลแก่ประชาชนไม่ครบถ้วน ย่อมส่งผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลและชุมชนในการรับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสาร รวมทั้งสิทธิได้รับข้อมูล คําชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐก่อนการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อม ประเด็นนี้จึงรับฟังได้ว่าผู้ถูกร้องได้กระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นกัน

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า ผู้ร้องและกลุ่มผู้คัดค้านโครงการฯ ถูกข่มขู่คุกคามให้หยุดเคลื่อนไหว และมีการเสนอผลประโยชน์ให้แก่แกนนำผู้คัดค้าน กรณีดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตามด้วย

ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2567 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยัง อบต. ป่าหุ่ง ผู้ถูกร้อง จังหวัดเชียงราย และกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ ดังนี้

(1) มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้ อบต. ป่าหุ่ง จังหวัดเชียงราย และกระทรวงมหาดไทย ทบทวนการเลือกพื้นที่หมู่ที่ 12 บ้านห้วยประสิทธิ์ ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ตั้งโครงการฯ ทั้งนี้ ให้ศึกษาความเหมาะสมในการเลือกพื้นที่ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนในจังหวัดเชียงราย โดยให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับแหล่งโบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อม และมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบดังกล่าว ทั้งนี้ ให้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการและผลกระทบอย่างรอบด้าน รวมทั้งจัดให้กลุ่มเป้าหมายที่มีทะเบียนบ้านทุกครัวเรือนในรัศมี 3 กิโลเมตรรอบโครงการ เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น

(2) มาตรการในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้กระทรวงมหาดไทยศึกษาแก้ไขกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2556 ที่อนุญาตให้ตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิงขยะมูลฝอยและเชื้อเพลิงชีวมวลบนที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และให้จังหวัดเชียงรายกำหนดมาตรการเพื่อยุติการใช้ความรุนแรงและการข่มขู่คุกคามต่อกลุ่มผู้คัดค้านโครงการด้วย


 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net