มีการแพร่ภาพและวิดีโอในโซเชียลมีเดีย TikTok จำนวนมาก เผยให้เห็นการเคลื่อนกำลังพลของรัสเซีย ทางการยูเครน ขอ ปชช.อย่าเผยแพร่เพิ่ม หวั่นเข้าทางรัฐบาลรัสเซีย
ไม่นานมานี้ ในสื่อโซเชียลมีเดีย “TikTok” (ติ๊กต๊อก) มีการเผยแพร่วิดีโอ ซึ่งฉายให้เห็นภาพการเคลื่อนกองกำลังของประเทศรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกรถถัง มีผู้คนข้างทางเห็นรถบรรทุกเครื่องยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ รวมถึงวิดีโอที่ทหารที่กำลังฆ่าเวลาเพราะความเบื่อหน่าย
สื่อต่างชาติตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่กำลังแพร่หลายบนสื่อโซเชียลมีเดียทั้ง Tik Tok และทวิตเตอร์ น่าสนใจ เพราะหลายครั้งภาพที่ปรากฏในสื่อโซเชียลเหล่านี้มีความรวดเร็วมากกว่าการเตือนของภาครัฐ
ร็อบ ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายกลาโหมจากภาควิชาสงครามศึกษาของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ยกตัวอย่างว่า การเคลื่อนทัพของหมีขาวใกล้กับพรมแดนประเทศยูเครน เป็นที่รับรู้ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกมายืนยันข่าวดังกล่าว รวมถึงเคยมีกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองบนสื่อโซเชียลมีเดีย สังเกตพบปืนใหญ่ในระยะไกล และเครื่องยิงขีปนาวุธรัสเซีย อยู่ในลักษณะเตรียมโจมตีเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนหน้าที่ทางการสหรัฐฯ จะออกมาเตือน
แม้ว่าข่าวจากโลกออนไลน์จะเร็ว แต่ก็มีการเตือนกันว่าการเผยแพร่ภาพวิดีโอเหล่านี้ซ้ำๆ อาจเป็นคุณูปการกับประเทศรัสเซียแทน เนื่องจากมันสร้างความรู้สึกในด้านลบ เช่น ความรู้สึกเรื่องเลวร้ายอาจเกิดขึ้นจากกำลังของรัสเซียที่มีจำนวนมาก หรือเกรงกลัวว่ายูเครนอาจถูกรัสเซียโจมตีในเวลาอันใกล้นี้ และอื่นๆ จึงทำให้เจ้าหน้าที่จากยูเครนต้องออกมาปราม เรื่องสงครามจิตวิทยาจากในโซเชียลมีเดียนี้ โดยระบุว่า การโพสต์รูปและวิดีโอการเคลื่อนพลของรัสเซียทำนองนี้ต่อเนื่อง จะกลายเป็นการส่งเสริมแผนการทำลายเสถียรภาพของยูเครนของรัสเซีย ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกว่าอาจจะมีการรุกรานเกิดขึ้น
Чи не занадто показово ? pic.twitter.com/d12rjD7BPd
— 4emberlen (@4emberlen) February 15, 2022
Синявка, РБ pic.twitter.com/2oa5CU1BvX
— IgorGirkin (@GirkinGirkin) February 17, 2022
ทั้งนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตจากสื่อเรดิโอฟรียุโรปอีกว่า วิดีโอบางชิ้นที่เกี่ยวกับการเคลื่อนพลกองทัพ โพสต์โดยทหารรัสเซีย หรือมาจากญาติมิตรของทหารรัสเซีย
เมื่อ ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยูเครน เคยกล่าวว่า รัสเซียใช้สงครามไซเบอร์ไม่ใช่แค่เพื่อการคุกคามสังคมเท่านั้น แต่เพื่อทำลายเสถียรภาพของสถานการณ์ในยูเครน ทำให้เกิดการยับยั้งการทำงานในภาคส่วนราชการ และทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อทางการยูเครน
ทั้งนี้ ในวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย แสดงท่าทีถอนทัพ และ "ลดระดับความตึงเครียด" ในข้อพิพาทระหว่างยูเครน-รัสเซีย แต่มีข้อมูลข่าวกรองชาติตะวันตก ระบุด้วยว่า รัสเซียกำลังทำตรงข้ามกับที่พูด คือกลับเสริมกำลังบริเวณใกล้กับยูเครนมากขึ้น ทำให้บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า หมีขาวกำลังส่งสัญญาณแบบผสม คือ แม้ว่าจะมีท่าทีเจรจาถอนทัพ แต่ก็มีการเคลื่อนกองกำลังใกล้ยูเครนมากขึ้น ซึ่งมีโอกาสที่รัสเซียจะบุกยูเครนเกิดขึ้นได้
ขณะที่ปูติน แถลงหลังจากประชุมหารือกับเยอรมนีว่า รัสเซียพร้อมจะผลักดันร่วมกับชาติตะวันตกต่อไปให้เกิดการลดระดับความตึงเครียดเกี่ยวกับยูเครน แต่ก็เน้นย้ำว่าชาติตะวันตกต้องทำตามข้อเรียกร้องหลักๆ ของรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงหลังจากปูตินว่า พวกเขากังขาต่อข้ออ้างที่รัสเซียว่าถอนทัพไปแล้วบางส่วน แต่ก็มีกองทัพเหลืออยู่ใกล้กับยูเครน
โอลาฟ โชลซ์ นายกเยอรมนี (ซ้าย) และวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย (ขวา) ระหว่างหารือเพื่อลดความตึงเครียดกรณี ยูเครน-รัสเซีย (ภาพจาก ทวิตเตอร์ President of Russia)
ทั้งนี้ ในแง่สงครามข้อมูลข่าวสารทางไซเบอร์นั้น ในวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวหาเว็บไซต์ข่าวสารการเงินฝ่ายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ที่มีผู้อ่านชาวอเมริกันมากพอสมควรว่า ทำการโหมกระพือโฆษณาชวนเชื่อของทางการรัสเซีย และกล่าวหาว่ามีสื่อ 5 แห่งที่พุ่งเป้าโจมตีชาวยูเครนโดยอาศัยแนวทางจากสายลับรัสเซีย
เรียบเรียงจาก
US accuses financial website of spreading Russian propaganda, AP, 15-02-2022
Latest Ukraine updates: Renewed calls for de-escalation, Aljazeera, 15-02-2022
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)