Skip to main content
sharethis

บอร์ด สปสช. เห็นชอบเร่งเดินหน้าดูแล 'คนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน' มอบ สปสช. ประสาน สธ. เสนอ ครม. จัดตั้ง 'กองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขสำหรับคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน'  พร้อมรับทราบความคืบหน้าการดูแลต่อเนื่องในช่วง 2 ปี  

 

5 เม.ย.2564 ทีมสื่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายงานว่า ที่ สปสช. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. วันนี้ได้รับทราบความคืบหน้าการจัดระบบหลักประกันสุขภาพสำหรับคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน พร้อมมอบให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประสานกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อพิจารณาเร่งรัดการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่อง “การจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขสำหรับคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน”  พร้อมข้อเสนอแนวทางดำเนินการต่อไปเพื่อคุ้มครองการเข้าถึงบริการสาธารณสุขให้กับคนไทยกลุ่มนี้ 

อนุทิน กล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนจัดตั้งกองทุนดูแลด้านสุขภาพสำหรับคนไทยที่อยู่ระหว่างรอการพิสูจน์สิทธิสถานะที่เป็นการดูแลเพื่อให้คนกลุ่มนี้ที่เป็นคนไทยด้วยกัน เข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุขที่จำเป็นในระหว่างการพิสูจน์สถานะ ทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยบริการที่ให้บริการ ดังนั้นเพื่อให้มีการดำเนินการโดยเร็ว ในวันนี้บอร์ด สปสช. เห็นชอบให้ สปสช. ประสานกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาเร่งรัดเสนอต่อ ครม. จัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขสำหรับคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน  

“คนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนก็เป็นคนไทยด้วยกัน เกิดในประเทศไทย เพียงแต่ด้วยปัญหาบางอย่างทำให้เขาตกหล่นที่จะได้รับสิทธิความเป็นคนไทยเหมือนกับคนอื่นๆ เช่น ไม่ได้รับการแจ้งเกิด บัตรประชาชนสูญหาย และถูกย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน เป็นต้น ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่มีเลข 13 หลัก ไม่มีบัตรประชาชนรองรับ” อนุทิน กล่าว  

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การดำเนินการนี้เป็นผลจากการดำเนินงานของ “คณะทำงานบูรณาการพัฒนาการเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพของกลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสถานะ” ภายใต้คณะอนุกรรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างหลักประกันสุขภาพของทุกภาคส่วน ตามที่บอร์ด สปสช. ได้มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 62 ที่มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม สู่การทำบันทึกความร่วมมือ 9 หน่วยงาน ระหว่าง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย และ สปสช.  

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า ผลที่เกิดขึ้นทำให้มีการขับเคลื่อนคุ้มครองสิทธิให้กับคนไทยที่ยังตกหล่นในการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ การพัฒนาแกนนำเครือข่ายภาคประชาชน ศูนย์ประสานงาน/หน่วยรับเรื่องร้องเรียนอิสระตาม ม.50 (5) เพื่อสำรวจและช่วยเหลือบุคคลในพื้นที่ใน 8 จังหวัดนำร่อง, การพัฒนาแกนนำเครือข่ายพระภิกษุและอาจารย์ โรงเรียนพระปริยัติธรรม ช่วยเหลือพระภิกษุและสามเณรที่มีปัญหาสถานะในพื้นที่เขต 1เชียงใหม่, การพิสูจน์สถานะบุคคลด้วยการตรวจ DNA โดยความร่วมมือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานในพื้นที่ และขยายความร่วมมือไปยังเครือข่ายหน่วยบริการผ่านสมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย และการสนับสนุนผู้ยากไร้เข้ารับการพิสูจน์สถานะจากความร่วมมือของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พม.) รวมถึงพัฒนาโปรแกรมช่วยเหลือผู้มีปัญหาสถานะทางทะเบียนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 

ทั้งนี้จากข้อมูลเบื้องต้นในดำเนินการ 8 จังหวัดนำร่อง พบผู้ที่มีปัญหาสถานะฯ 267 ราย ในจำนวนนี้พิสูจน์สิทธิและได้รับสิทธิแล้ว 162 ราย และเสียชีวิตจากความเจ็บป่วยระหว่างพิสูจน์สถานะ 5 ราย 

“การดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามแผนปฏิบัติราชการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระยะ 5 ปี พ.ศ. 2561-2565 ในการดูแลประชากรกลุ่มเปราะบางที่เข้าไม่ถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพ ตลอดระยะเวลา 18 ปี กองทุนบัตรทองได้ดูแลคนไทยให้เข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพแล้วถึง 99.98 แม้ว่าคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนจะเป็นกลุ่มประชากรส่วนน้อยมากเมื่อดูภาพรวมทั้งหมด แต่ถือเป็นภารกิจสำคัญ เพื่อทำให้บรรลุเจตนารมณ์ตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เกิดการดูแลอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นพ.จเด็จ กล่าว  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net