ทหารพม่าใช้เครื่องบินรบทิ้งระเบิดและยิงโจมตีทหารกะเหรี่ยง KNU พื้นที่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่งของไทย มีผู้ลี้ภัยอพยพมาที่ไทยแล้ว 85 คน ด้านรัฐบาลเงาของพม่า NUG ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในรัฐกะเหรี่ยงเป็นเสบียง มูลค่ากว่า 8.6 ล้านจ๊าต หรือประมาณ 173,000 บาท

28 เม.ย.64 สำนักข่าว The Reporters รายงานวันนี้ (28 เม.ย.) ระบุว่า สิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ของศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ว่า สถานการณ์การสู้รบฝั่งพม่าเวลา 09.05 น. มีเสียงระเบิดและเสียงปืนเล็ก คาดว่าทหารเมียนมากองพันเคลื่อนที่เร็ว 340 จากฐานดากวิน ยิงเพื่อป้องกันฐาน สืบเนื่องจากการปะทะกลางคืนที่ผ่านมา ต่อมา เวลา 10.20 น. ทหารพม่าใช้เครื่องบินรบ 2 ลำ ปฎิบัติการทางอากาศทิ้งระเบิดและยิงด้วยปืนจากอากาศยานบริเวณทางทิศตะวันตกของฐานทหารพม่า กองพันเคลื่อนที่เร็วดากวิน แต่ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย เวลา 12.20 น. ทหารพม่าใช้เฮลิคอปเตอร์โจมตี 2 ลำ ยิงจรวดจากอากาศสู่พื้น และยิงด้วยปืนจากอากาศยาน จำนวน 4 เที่ยวบิน บริเวณทิศใต้ของฐานทหารดังกล่าว ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการสูญเสียเช่นกัน

สำหรับผลกระทบต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น รายงานของศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ระบุว่า เมื่อเวลา 09.00 น. มีประชาชนชาวเมียนมาจำนวน 68 คน เดินทางข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยทางเรือ ซึ่งทางทหารไทยได้จัดให้อยู่ในพื้นที่แรกรับ ณ บ้านท่าตาฝั่ง ส่วนกรณีประชาชนไทย พื้นที่บ้านแม่สามแลบ ได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย บ้านห้วยกองก้าด ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ประมาณ 450 คน บางส่วนได้พักอาศัยบ้านญาติ คงเหลือพักรอในพื้นที่ 270 คนโดยเจ้าหน่าที่รัฐหลายหน่วยงานได้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวก

ในรายงานของศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ยังระบุว่าเมื่อวันที่ 27 เมษายน เวลา 14.00 น. มีชาวพม่า 14 คนจากพื้นที่พักพิงอีทูโก ตรงข้ามฐานสบแงะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง เดินทางข้ามมายังประเทศไทย ซึ่งทางทหารได้จัดให้อยู่ในพื้นที่แรกรับ (พื้นที่ปลอดภัย) ณ สบแงะ และเวลา 17.00 น. มีชาวพม่า 1 คนบาดเจ็บบริเวณมือจากสถานการณ์ความไม่สงบข้ามมาฝั่งไทย ณ จุดผ่อนปรนบ้านแม่สามแลบ เพื่อขอรับการรักษา ขณะนี้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง อาการปลอดภัยแล้ว

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนแม่น้ำสาละวิน กล่าวว่า ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารพม่าและทหารกะเหรี่ยง สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ที่ฐานดากวิน ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ตั้งแต่เช้าโดยมีเสียงปืนเป็นระยะๆ และมีเครื่องบินโจมตีของทหารพม่าบินมาบริเวณเหนือฐานดากวินทุกๆ ครึ่งชั่วโมง โดยชาวบ้านท่าต่างฝั่งต่างรู้สึกหวาดกลัว และส่วนหนึ่งหนีเข้าไปหลบภัยบริเวณห้วยแม่กองคา

ขณะที่ชาวบ้านแม่สามแลบ ยังอยู่ในพื้นที่อพยพโรงเรียนห้วยกองก้าด รอติดตามสถานการณ์อีก 2-3 วัน ขณะที่วันนี้ยังมีเครื่องบินรบพม่าทิ้งระเบิดพื้นที่กองพล 5 ของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอีกหลายจุด

สำนักข่าวชายขอบ รายงานวันนี้ (28 เม.ย.) ระบุสถานการณ์เพิ่มเติมว่า ที่บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้ปิดการเข้าพื้นที่ตามคำสั่งศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีสิทธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหัวหน้า โดยบริเวณหน้า อบต.แม่สามแลบ มีการตั้งจุดตรวจโควิด-19 และจุดตรวจห้ามบุคคลภายนอก รวมถึงนักข่าวเข้าพื้นที่ริมน้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ รวมถึงชาวบ้านแม่สามแลบยังขอให้อยู่ในพื้นที่อพยพจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

นอกจากนี้ รายงานเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน ทหารกะเหรี่ยง KNU ได้กลับเข้ามาเคลียร์พื้นที่ฐานซอแลท่า ของทหารพม่า ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบอีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จในการยึดคุมพื้นที่ สามารถไล่ทหารพม่าออกจากพื้นที่เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 โดยทหาร KNU เผาพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งที่เก็บอาวุธ ก่อนจะนำกำลังออกไป

นอกจากนี้ รายงานผู้เสียชีวิตทั้งทหารพม่า และทหาร KNU จากการรบสืบเนื่องตั้งแต่เมื่อวาน (27 เม.ย.) ระบุว่า ทหารพม่าเสียชีวิต 48 นาย ขณะที่ทหาร KNU เสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย

รัฐบาลเงาของพม่า NUG ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในรัฐกะเหรี่ยง

ดร.วินมแย๊ดเอ (Win Myat Aye) รมว.กระทรวงมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ แห่งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG ซึ่งเป็นรัฐบาลคู่ขนาน เพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยในพม่า โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ‘เฟซบุ๊ก’ กลุ่มสาธารณะ เพจ ‘Prof Win Myat Aye’ ระบุทาง NUG จัดเตรียมเสบียงเพื่อช่วยเหลือให้ผู้ลี้ภัยที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเครื่องบินรบกองทัพพม่าทิ้งระเบิดในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ผ่านโบสถ์ คริสตจักรยุคใหม่ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก

โดยเสบียงทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 8.6 ล้านจ๊าต ประกอบด้วย ข้าวสาร น้ำมันพืช ปลากระป๋อง และน้ำพริก เพียงพอสำหรับผู้ลี้ภัย 500 คน

ทั้งนี้ พม่าเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อโจมตีประชาชนและกองกำลัง KNU ในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.64 เป็นต้นมา มีการประมาณการเบื้องต้นว่ามีชาวบ้านต้องอพยพหนีตายกว่า 7,000 คนมาอาศัยริมแม่น้ำสาละวิน ขณะที่อีกหลายพันคนต้องหลบอยู่ตามป่า ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านในค่ายผู้พลัดถิ่นภายใน (IDPs) ได้ เนื่องจากหวั่นเกรงอันตรายหากเครื่องบินรบพม่าจะกลับมาทิ้งระเบิดอีก