Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา จีนส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้กองทัพพม่า จำนวน 500,000 โดส ท่ามกลางกระแสบอยคอตไม่ขอรับวัคซีนจากจีนของบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนพม่า

จีนส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้ทางการพม่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 (ที่มา เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chinese Embassy in Myanmar) 

3 พ.ค.64 สำนักข่าวอิระวดี อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานบริการด้านความมั่นคงแห่งผู้บัญาชาการทหารสูงสุดเมียนมา ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ซึ่งได้รับบริจาคมาจากประเทศจีน เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนครย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา และจะนำมาแจกจ่ายให้โรงพยาบาลทั่วประเทศต่อไป 

ขณะที่หลายประเทศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับเผด็จการทหารพม่าหลังจากทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 และปราบผู้ประท้วงนองเลือด จนมีผู้เสียชีวิตปัจจุบันมากกว่า 760 ราย อ้างอิงตามรายงานสมาคมช่วยเหลือนักโทษเมียนมา หรือ AAPP แต่สถานเอกอัครทูตจีนในนครย่างกุ้งกลับระบุว่า ประเทศจีนบริจาควัคซีนครั้งนี้ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันดี ‘ฉันท์พี่น้อง’ ระหว่างพม่าและจีน  

อย่างไรก็ตาม การบริจาควัคซีนโควิด-19 ครั้งนี้ต้องเผชิญแรงต้านทานจากพลเรือนพม่าโดยทันที ซึ่งสะท้อนจากการโพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลออนไลน์ยอดนิยมของชาวพม่า ‘เฟซบุ๊ก’ 

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง คอมเมนต์ข้อความในแฟนเพจของสถานทูตจีน หรือ “Chinese Embassy in Myanmar” ระบุว่า “ไม่ละขอบคุณ เราไม่ต้องการวัคซีนของคุณ” 

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวพม่าอีกรายถึงกับโพสต์ข้อความว่า “ปล่อยผมตายไปกับโควิด-19 ผมจะไม่ยอมฉีดวัคซีนอะไรก็ตามที่มาจากจีน”

“วัคซีนจากจีนแค่สำหรับเจ้าหน้าที่กองทัพและลูกสมุนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเรา แม้ว่าเขาจะเอามาให้เราก็ตาม เราไม่ยอมรับตราบเท่าที่เรายังถูกปกครองโดยเผด็จการทหารอยู่” ผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกรายหนึ่ง โพสต์ข้อความ

“ขณะที่ประชาชนหลายล้านปฏิเสธที่จะรับการฉีดวัคซีน แต่จีนก็ยังคงส่งวัคซีนให้เผด็จการพม่าอยู่ดี ดังนั้น มันชัดเจนว่าจีนสนับสนุน” ผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวพม่าอีกรายกล่าวถึงกรณีนี้ 

กระแสต่อต้านในจีนในพม่าพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจีนพยายามขัดขวางสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ในการดำเนินมาตรการต่อต้านการรัฐประหารในเมียนมา 

นอกจากพลเรือนจะปฏิเสธฉีดวัคซีนของจีนแล้ว บุคลากรทางการแพทย์พม่าหลายพันยังเลือกประท้วงหยุดงานมากกว่าจะทำงานให้เผด็จการพม่า

ในยุคสมัยรัฐบาลจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี รัฐบาลพลเรือนเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ครั้งแรกทั่วประเทศเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาสา เป็นผู้รับวัคซีนกลุ่มแรก โดยใช้วัคซีนจากแอสตราเซเนกา ซึ่งรับบริจาคมาจากอินเดีย  

แต่หลังจากมีการทำรัฐประหาร บุคลากรทางการแพทย์แทบทั้งหมดปฏิเสธทำงาน และรับวัคซีนครั้งที่สอง เพื่อเป็นการประท้วงกองทัพพม่า 

ช่องโทรทัศน์ของทางการพม่า MRTV อ้างว่า ประชาชนมากกว่า 1.5 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรกแล้ว ระหว่างเดือน ม.ค.64 จนถึงวันที่ 23 เม.ย.64 ขณะที่ประชาชนอีก 312,953 คนได้รับการฉีดวัคซีนครั้งที่สองแล้ว 

ด้านสื่อหนังสือพิมพ์ของกองทัพพม่า พยายามตีพิมพ์รูปของพระสงฆ์ เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 

จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาสา ระบุว่า ทีแรก กองทัพพม่าเสนอให้ประชาชนที่อายุมากกว่า 64 ปี ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ต่อมา ในช่วงปลายเดือน มี.ค. ถึงเริ่มให้ประชาชนที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ได้รับการฉีดวัคซีน หลังจากมีประชาชนจำนวนน้อยมากเข้าไปรับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์การฉีดวัคซีน

การตรวจผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพม่านับตั้งแต่รัฐประหาร ถือว่าแทบจะหยุดชะงักลงทันที เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกไปร่วมหยุดงานทั่วประเทศ ขณะที่สถิติผู้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในเดือน ม.ค.ปีนี้ ระบุว่า ประชาชนเข้ามาตรวจโควิด-19 ด้วยวิธีการแหย่จมูก หรือ swab แค่ 16,000-18,000 คนต่อวัน แต่ตั้งแต่รัฐประหารเดือน ก.พ. จำนวนผู้ตรวจต่อวันลดลงอย่างน่าใจหาย เหลือเพียง 1,500-2,000 รายต่อวันเท่านั้น 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net