Skip to main content
sharethis

ประธานาธิบดีเฮติถูกลอบยิงเสียชีวิตคาบ้านพักส่วนตัวในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ ขณะที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอาการสาหัส ด้านรักษาการประธานาธิบดีเผยสั้นๆ ว่ากลุ่มคนร้ายไม่ใช่คนที่พูดภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นภาษาราชการของประเทศ แต่ไม่ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม

7 ก.ค. 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โชเวเนล โมอีซ ประธานาธิบดีเฮติถูกลอบสังหารเสียชีวิตในบ้านพักส่วนตัวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ค. 2564) ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศเฮติ ในขณะที่ มาร์ตีน โมอีซ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว โดยทางการเฮติแถลงอย่างเป็นทางการว่าการกระทำดังกล่าวเป้นสิ่งที่ "น่ารังเกียจ ไร้มนุษยธรรม และป่าเถื่อนอย่างยิ่ง"

ก่อนเกิดเหตุลอบสังหาร สถานการณ์การเมืองของเฮติภายใต้การนำของโมอีซนั้นถือว่าระส่ำระส่ายและเต็มไปด้วยความโกรธแค้นของประชาชน หลังจากที่เฮติไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านได้พยายามกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่ง แต่ประธานาธิบดีโมอีซกลับประกาศพระราชกฤษฎีกาซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ (คล้าย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของไทย) และบริหารประเทศภายใต้กฎหมายพิเศษนี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว

โกลด โฌเซฟ นายกรัฐมนตรีและรักษาการประธานาธิบดีกล่าวในแถลงการณ์ว่า "สถานการณ์ความมั่นคงของประเทศอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพเฮติ ประชาธิปไตยและสาธารณรัฐจะเป็นผู้ชนะ"

รักษาการประธานาธิบดีเฮติกล่าวว่าตำรวจออกตรึงกำลังรอบทำเนียบประธานาธิบดีซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงปอร์โตแปรงซ์เมืองหลวงของเฮติ รวมถึงย่านเปฌ็องวิลล์ (Pétionville) ซึ่งเป็นชุมชนแออัดชานเมืองและเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มอาชญากร โดยโฌเซฟกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายพื้นที่การตรึงกำลังออกไปยังพื้นที่อื่นๆ ในอีกไม่ช้านี้

โฌเซฟ ประณามการลอบสังหารผู้นำประเทศว่าเป็นการกระทำที่ "น่ารังเกียจ ไร้มนุษยธรรม และป่าเถื่อนอย่างยิ่ง" นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่าฆาตรกรเป็นกลุ่มคนที่พูดภาษาสเปนหรืออังกฤษ (ภาษาราชการของเฮติคือภาษาฝรั่งเศส) แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน โฆษประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ อธิบายการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องที่ "น่าสะพรึงกลัว" และ "น่าเศร้าสลด" ทั้งยังระบุว่าเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อรายงานต่อ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ภายในวันนี้ผ่านคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดี

เฮติเผชิญมรสุมความเลวร้ายของสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองมาอย่างต่อเนื่องและสถานการณ์ดูมีท่าทีจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ทั้งเงินเฟ้อรุนแรง ขาดแคลนอาหารและเชื้อเพลิง ประชาชนกว่า 60% ของประเทศมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าวันละ 2 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 60 บาท) และมีกลุ่มอาชญากรรมเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งปัญหาทั้งหมดเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่เฮติพยายามจะฟื้นฟูประเทศหลังเจอแผ่นดิวไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2553 และถูกพายุเฮอริเคนแมธทิวพัดถล่มซ้ำในปี 2559

บรรดาผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเฮติกล่าวหาว่าประธานาธิบดีโมอีซที่เพิ่งถึงแก่อสัญกรรมในวัย 53 ปีพยายามเพิ่มอำนาจให้กับตัวเองด้วยการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา ทำให้ศาลซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารถูกจำกัดอำนาจ ทั้งยังมีการสร้างหน่วยข่าวกรองที่ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บรรดาผู้นำพรรคฝ่ายค้านได้ออกคำสั่งให้โมอีซก้าวลงจากตำแหน่ง โดยระบุว่าวาระการดำรงตำแหน่งของเขานั้นสิ้นสุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 แล้ว อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้สนับสนุนโมอีซยืนยันว่าโมอีซยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ เพราะเริ่มรับการดำรงตำแหน่งในวันที่โมอีซสาบานตนเข้าทำเนียบอย่างเป็นทางการ นั่นก็คือช่วงต้นปี 2560 แต่หากนับผลการเลือกตั้งรอบสุดท้ายจะถือว่าโมอีซได้ชนะการเลือกตั้งและเป็นเริ่มปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลจากระบบเลือกตั้งอันซันซ้อนของเฮติที่ทำให้มีช่องว่างระหว่างวันประกาศผลการเลือกตั้งและการสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่งนานถึง 1 ปี

อย่างไรก็ตาม เฮติมีกำหนดจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายในปีนี้

ที่มา:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net