Skip to main content
sharethis

บุคลากรสาธารณสุขในทวีปแอฟริกา กลุ่มคนด่านหน้าที่ต่อสู้กับวิกฤตโรคระบาด COVID-19 กำลังแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย ทั้งการทำงานหนัก อุปกรณ์ป้องกันและสวัสดิการต่าง ๆ ที่ไม่เพียงพอ


ทวีปแอฟริกากำลังเผชิญกับการระบาดของ COVID-19 ช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2564 มีผู้ป่วย COVID-19 มากกว่า 5.36 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 140,000 รายแล้ว | ที่มาภาพ: Sally Hayden/100Reporters

ทุกเช้าในช่วงการระบาดของ COVID-19 เอ็มโพ มอคกอทซี มีแต่ความหวาดกลัวก่อนที่จะออกจากบ้าน เพื่อไปทำงานที่ศูนย์สุขภาพในกรุงโยฮันเนสเบิร์ก และโรงพยาบาลในเมืองเคาเต็ง

ย้อนกลับไปเมื่อเดือน เม.ย. 2563 มอคกอทซี พยาบาลวัย 55 ปี ติดเชื้อขณะทำการรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาล เธอถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลบารักวานาท ในโซเวโท ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกา ที่มีบุคลากรทางการแพทย์ประมาณ 7,000 คน มีจำนวนเตียง 3,500 เตียง จากนั้น 2 สัปดาห์ต่อมาลูกทั้ง 2 คนของเธอก็ติดเชื้อ COVID-19

"มันเป็นหนึ่งในความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันยังคงเครียดมาถึงตอนนี้ และทุกครั้งที่มาทำงานฉันกลัวที่จะติดเชื้ออีกครั้ง" มอคกอทซี กล่าว

ในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ระบบสาธารณสุขในภูมิภาคแอฟริกาที่ดูเหมือนจะถูกละเลยการสนับสนุนทางการเงินอย่างเพียงพอมานานแสนนาน ได้เข้าสู่จุดเปราะบางและแตกหักลงภายใต้ความตึงเครียด ในหลายกรณีพบว่าบุคลากรสาธารณสุขในแนวหน้าขาดอุปกรณ์ป้องกัน (PPE) ที่เพียงพอ ทำให้ชีวิตของพวกเขาและเธอตกอยู่ในความเสี่ยง พวกเขาและเธอต้องเผชิญกับชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน ทำงาน 14 วันติดต่อกัน โดยไม่มีประกันสุขภาพหรือสวัสดิการ เมื่อพวกเขาลงสนามไปต่อสู้กับ COVID-19 บุคลากรสาธารณสุขก็พบว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งให้ดูแลตัวเองโดยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการสนับสนุนที่เพียงพอ 

จนถึง ณ ช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2564 ทวีปแอฟริกามีผู้ป่วย COVID-19 มากกว่า 5.36 ล้านราย เสียชีวิตมากกว่า 140,000 ราย ซึ่งตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากการขาดชุดทดสอบ COVID-19 ทำให้ไม่สามารถตรวจเชื้อปูพรมได้อย่างครอบคลุม

ที่เคนยา เดนนิส เชรุยโย เจ้าหน้าที่สำนักงานโรงพยาบาลเขตอูซินกิชูในหุบเขาริฟต์ กล่าวว่าในช่วงเริ่มต้น บุคลากรสาธารณสุขในแผนกที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 โดยตรง ต้องทำงาน 14 วันโดยไม่ได้หยุดพัก 

"ในวอร์ดผู้ป่วย COVID-19 เราทำงานติดต่อกัน 14 วันโดยไม่มีวันหยุด นี่เป็นความอยุติธรรมครั้งใหญ่สำหรับเรา" เชรุยโย กล่าว และเพิ่มเติมว่า "สถานการณ์เลวร้ายมากจริง ๆ อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ที่ปิดศีรษะ หน้ากาก เสื้อคลุม และรองเท้าบู๊ตนั้นมีไม่เพียงพอในระดับที่น่าตกใจ"

ตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขของเคนยาชี้ว่าเมื่อเดือน ม.ค. 2564 บุคลากรสาธารณสุขกว่า 3,068 ราย ติดเชื้อ COVID-19 และ 32 รายเสียชีวิต

ที่ไนจีเรีย โรเบิร์ต อูกวู หัวหน้าแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยอาบูจาในเมืองหลวงของไนจีเรีย กล่าวว่า "สถานการณ์เลวร้ายมากจริง ๆ" อุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ มีไม่เพียงพอ บุคลากรสาธารณสุขส่วนใหญ่ที่ดูแลผู้ป่วยได้รับการคุ้มครองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

บุคลากรสาธารณสุขที่ทำงานในวอร์ดผู้ป่วย COVID-19 ระดับวิกฤตรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่าการใช้ชุด PPE นั้นต้องเป็นการปันส่วนกัน เจ้าหน้ารายนี้ขอไม่เปิดเผยชื่อเพราะกลัวผลกระทบจากการให้ข่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ


ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของ COVID-19 ยูกันดามีเตียงไอซียูทั้งหมดเพียง 55 เตียง สำหรับประชากรประมาณ 44 ล้านคน | ที่มาภาพประกอบ: Ministry of Health- Ugand

ที่ยูกันดา ผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 รายแรกได้รับการยืนยันในเดือน ก.ค. 2563 แม้จำนวนผู้ป่วยยังมีจำนวนค่อนข้างต่ำ แต่ประเทศก็ต้องป้องกันอย่างเต็มที่ บุคลากรสาธารณสุขยังคงต้องการอุปกรณ์ป้องกัน ยานพาหนะพร้อมเชื้อเพลิง เทอร์โมมิเตอร์ รวมทั้งเตียงไอซียูที่มากขึ้น โดยในช่วงเริ่มต้นของการระบาด ยูกันดามีเตียงไอซียูทั้งหมดเพียง 55 เตียง สำหรับประชากรประมาณ 44 ล้านคน 

สถานการณ์ในกูลู เมืองทางเหนือที่ยากจนของยูกันดา ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงปัญหาของระบบสาธารณสุข บุคลากรสาธารณสุขที่นั่นต้องทำงานเป็นเวลาหลายเดือนโดยไม่มีเงินเดือน ที่โรงพยาบาลแออัดไปด้วยผู้ป่วย COVID-19 และผู้ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ ผู้ป่วยบ่นว่าโรงพยาบาลขาดอาหารและน้ำ บางรายพยายามหนีออกจากโรงพยาบาลเพียงเพื่อจะหลีกเลี่ยงความอดอยาก

ในเดือน ก.ย. 2563 โรงพยาบาลของกูลู มีพื้นที่ไม่เพียงพอและเริ่มปฏิเสธผู้ป่วย มีผู้ติดเชื้อบางคนขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย สมาชิกคนหนึ่งของคณะทำงานด้าน COVID-19 ของเมืองโพสต์ข้อความไว้ในกลุ่ม WhatsApp ของพวกเขา

ซานโตส โอคอท ลาโปโล ประธานคณะทำงานและผู้แทนของประธานาธิบดียูกันดาในเมืองกูลูเรียกเมืองนี้ว่า "ศูนย์กลาง" ของวิกฤตการณ์ในเดือน ก.ย. 2563 เนื่องจากพบว่ามีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ลุกลามมาจากชายแดนซูดานใต้

"เราอึดอัด เราอึดอัด" เขากล่าว "โรงพยาบาลเต็มแล้ว" เมื่อจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ภาระงานของบุคลากรสาธารณสุขก็เพิ่มขึ้นตาม "เรามีปัญหาด้านทรัพยากรบุคคล เรามีปัญหาด้านทรัพยากรทางการเงิน" ลาโปโล กล่าว "รัฐบาลกลางส่งการสนับสนุนมาให้เรา แต่ก็ยังไม่เพียงพอ" ต่อมาลาโปโลเองก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19

'การทุจริต' เพิ่มความเสี่ยงให้กับบุคลากรสาธารณสุข

ณ เดือน ธ.ค. 2563 บุคลากรสาธารณสุขกว่า 38,000 คน ในแอฟริกาใต้มีผลตรวจ COVID-19 เป็นบวก มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 390 ราย 

การทุจริตได้เพิ่มความเสี่ยงให้แก่บุคลากรสาธารณสุขในแอฟริกาใต้ มีการสอบสวนพบว่านักการเมืองและบริษัทต่าง ๆ ที่ใกล้ชิดกับพรรครัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการประกวดราคาและสัญญาจ้างที่เชื่อมโยงกับการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลและเวชภัณฑ์อื่น ๆ ในช่วงการระบาด

ในเคนยา เจ้าหน้าที่อาวุโส 15 คน ของสำนักงานเวชภัณฑ์แห่งเคนยา (Kemsa) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ได้รับคำสั่งให้จัดซื้อและแจกจ่ายสิ่งของต่าง ๆ ให้กับโรงพยาบาลของรัฐ ถูกสอบสวนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตในการใช้เงินกว่า 7.8 พันล้านชิลลิง (ประมาณ 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในช่วงการระบาดของ COVID-19

"ไม่น่าแปลกใจที่มันเกิดขึ้น เพราะตัวระบบเองนั้นอ่อนแอและเสี่ยงต่อการทุจริตเป็นอย่างมาก" คาวิชา พิลเลย์ จาก Corruption Watch องค์กรต่อต้านการทุจริตในแอฟริกาใต้กล่าว "สำหรับระบบการจัดซื้อ-จัดจ้างของเรา ไม่เพียงแต่ในภาคสาธารณสุขเท่านั้น แต่ทุกภาคส่วนก็มีความเสี่ยงต่อการทุจริตอยู่แล้ว"

พิลเลย์กล่าวว่าการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ทำให้ความไม่เท่าเทียมในระบบสาธารณสุขรุนแรงขึ้น ในช่วงต้นของการระบาดใหญ่ Corruption Watch ได้แสดงความกังวลว่าเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตอาจใช้ประโยชน์จากโรคระบาดนี้

"แน่นอนว่าบุคลากรสาธารณสุขเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง เพราะพวกเขาไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการทำงาน" พิลเลย์ ผู้ซึ่งได้เฝ้าติดตามการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของ COVID-19 กล่าว

องค์กรของพิลเลย์ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานตรวจสอบการทุจริตเพื่อดำเนินการปราบปราม ในเดือน ก.ค. 2563 เจ้าหน้าที่รัฐและผู้รับเหมาเอกชนถูกจับในข้อหาฉ้อโกงจากการจัดซื้อชุด PPE ให้แก่บุคลากรสาธารณสุข

"ปัญหายังคงอยู่กับเรา และดูเหมือนว่าจะไม่หมดไปในเร็ว ๆ นี้" พิลเลย์กล่าว "และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องสอดส่องกิจกรรมของพวกเขาต่อไป ในขณะที่โรคระบาดก็ยังดำเนินต่อ"

กว่า 1 ปี หลังจากการระบาดของ COVID-19 ยังคงมีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 รายงานที่เผยแพร่ในเดือน เม.ย. 2564 โดยกลุ่ม Financial Transparency Coalition (FTC) ซึ่งเป็นกลุ่มภาคประชาสังคมที่ทำงานรณรงค์ด้านความโปร่งใสทางการเงิน เผยให้เห็นถึงรูปแบบที่เอื้อต่อภาคเอกชนรายใหญ่ สำหรับการใช้งบประมาณฉุกเฉินในการต่อสู้กับ COVID-19 ของหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศในแถบแอฟริกาด้วย


จากการสำรวจ 9 ประเทศ พบว่าเม็ดเงินฉุกเฉินในการต่อสู้กับ COVID-19 ในอินเดียกระจายตัวไปสู่ภาคต่าง ๆ ได้ดีกว่าเคนยา ที่เม็ดเงิส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 95 ไหลสู่บรรษัทขนาดใหญ่ | ที่มา: Financial Transparency Coalition

รายงานการสำรวจ 9 ประเทศ ได้แก่ แอฟริกาใต้ เซียร์ราลีโอน เคนยา บังกลาเทศ อินเดีย เนปาล ฮอนดูรัส กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์ แสดงให้เห็นว่าเม็ดเงินฉุกเฉินในการต่อสู้กับ COVID-19 โดยเฉลี่ยแล้วร้อยละ 63 ไหลเข้ากระเป๋าบรรษัทขนาดใหญ่ 

ในรายงานของ FTC ระบุว่าที่เคนยา ร้อยละ 95 ของงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ไหลสู่บรรษัทขนาดใหญ่ แทนที่จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ส่วนเซียร์ราลีโอนมีสัดส่วนที่ร้อยละ 74 

ชีวิตบนเส้นด้าย

การทุจริตและสภาพการทำงานที่เป็นอันตราย เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สหภาพแรงงานบุคลากรสาธารณสุขในแอฟริกาใต้ ทำการหยุดงานประท้วงเมื่อช่วงเดือน ต.ค. 2563 แม้ว่าในขณะนั้นสถานการณ์การระบาดยังไม่คลี่คลาย

กายา ซาบา โฆษกของ HOSPERSA ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานบุคลากรสาธารณสุขในแอฟริกาใต้ กล่าวว่าโรคระบาดนี้ทำให้บุคลากรสาธารณสุขขาดแคลนมากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว "พวกเรา [บุคลากรสาธารณสุข] เสียชีวิตและติดเชื้อทุกวัน" เขากล่าว

ส่วนที่เคนยา เนื่องมาจากการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นในหมู่บุคลากรสาธารณสุข การขาดอุปกรณ์ป้องกันและไม่มีประกันที่ครอบคลุมคนทำงาน ได้ทำให้เกิดการนัดหยุดงานประท้วงในช่วงปลายปี 2563 หลังจากการประท้วง 70 วัน บุคลากรสาธารณสุขจึงได้ยุติการประท้วงในช่วงเดือน ก.พ. 2564 โดยรัฐบาลเคนยาให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือแก่บุคลากรสาธารณสุขเพิ่มขึ้น

วิกฤตยังไม่จบสิ้น เนื่องจากการฉีดวัคซีน COVID-19 ในทวีปแอฟริกายังคงมีจำนวนน้อยมาก อย่างในแอฟริกาใต้ ประเทศที่ดูเหมือนจะมีความพร้อมมากที่สุดในทวีป ก็มีประชาชนเพียง 2.23 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 4 ของประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส แต่กระนั้นรัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับบุคลากรสาธารณสุขเป็นลำดับแรกเมื่อเริ่มการฉีดวัคซีน

มอคกอทซี กล่าวว่า "อย่างน้อยตอนนี้คุณสามารถมั่นใจได้ในขณะที่ออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน" อย่างไรก็ตามกว่าจะมาถึงจุดนี้ เธอก็ได้สูญเสียเพื่อนร่วมงานไปหลายคนจาก COVID-19

"เราแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย ในขณะที่ผู้คนต่างอยู่บ้านกับครอบครัว" เธอกล่าว "เรามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิต และดูเหมือนไม่มีใครสนใจเรา"

"ถ้าเราเป็นคนทำงานที่จำเป็นจริง ๆ พวกเขาก็ควรปฏิบัติต่อเราอย่างนั้น" พยาบาลวัย 55 ปีรายนี้กล่าว.


ที่มาเรียบเรียงจาก
Africa’s Hidden Victims: Healthcare Workers Struggled Through Lack of PPE, Salary Delays and Disappearing Hardship Pay (atrick Egwu, Linus Unah, Sally Hayden และ Maurice Oniang’o, 100Reporters, 28 June 2021)
FTC Reveals New “Covid Bailout Tracker” (Financial Transparency Coalition, 6 May 2021)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net