รัฐบาลประยุทธ์ออกอาการเหมือนรัฐบาลที่กำลังจะพัง หนึ่ง คนไล่มากมายกว้างขวาง สอง ตอบโต้ดันทุรัง ยิ่งทำให้เข้าตัว เช่น ใช้อำนาจออกข้อกำหนดตัดเน็ต IP Address สื่อและคนวิจารณ์ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับม็อบ จนมีภาพ“ปืนจ่อหัว” ทีมสื่อสารของรัฐก็แกว่งปาก “จ้างตาย”

นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า รัฐบาลในอดีต ถ้ามาถึงจุดนี้พังทุกที ยิ่งดิ้นยิ่งพัง เช่น รัฐบาลชวนสมัย ส.ป.ก.4-01 รัฐบาลทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกม็อบไล่จนรัฐประหาร

แต่ไม่ยักใช่ประยุทธ์ ทฤษฎีนี้น่าจะใช้กับประยุทธ์ไม่ได้ รัฐบาลชวนพังเพราะพรรคร่วมถอนตัว แต่ประยุทธ์มี 250 ส.ว.ค้ำ มีเครือข่ายอำนาจหนุนหลัง

ม็อบไล่มากเพียงไรก็ไม่มีตัวจบ ไม่มีรัฐประหาร เพราะประยุทธ์มาจากรัฐประหาร 7 ปีประยุทธ์กับกองทัพกลายเป็นศัตรูประชาธิปไตยไปด้วยกัน ถูกไล่บี้ปฏิรูป ยุบหน่วยงาน เลิกเกณฑ์ทหาร ตัดงบ ซ้ำยังถูกมองเป็นอภิสิทธิ์ชน ทำหนังสือขอวัคซีน

ทหารไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาวอีกต่อไป จะรัฐประหารล้มประยุทธ์ได้อย่างไร ข่าวรัฐประหารจึงเป็นเฟกนิวส์ เว้นแต่รัฐประหารรักษาอำนาจ โหดสาดแบบพม่า

ที่บางคนคิดว่าจะเกิด 14 ตุลา 16 หรือพฤษภา 35 แล้วบีบประยุทธ์ออก ก็เพ้อฝันเช่นกัน

ประยุทธ์สามารถทู่ซี้อยู่จนโควิดจาง อาศัยคนจำนวนมากยังไม่กล้าออกมาม็อบ ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ คฝ.ปราบคนรุ่นใหม่ “ซ้ำเติมประเทศ” อาศัยการช่วยเหลือกันเองของประชาชน อาศัยความทุ่มเทเสียสละของแพทย์พยาบาล (ที่ด่ารัฐบาลอึงคะนึง) อาศัยการฉีดวัคซีนกะปริบกะปรอย อาศัยการปรับระบบรับมือของกระทรวงสาธารณสุข (ที่กว่าจะยอมใช้ชุดตรวจ ATK กว่าจะยอมรับ Home Isolation ยอมให้เบิกฟาวิพิราเวียร์กินที่บ้าน ฯลฯ ก็ติดเชื้อบานตะไทตายไม่นับ)

ถึงจุดหนึ่ง เมื่อคนติดเชื้อเยอะๆ ที่ตายก็ตายไป ที่หายก็หายเอง หรือบางส่วนได้ฉีดวัคซีน เราจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แล้วรัฐบาลจะชูมือ “เราชนะ”

สถานการณ์โควิดเลวร้ายเพียงไร เศรษฐกิจพินาศแค่ไหน (กกร.ชี้ -1.5%) ประยุทธ์ก็อยู่ได้

แต่การอยู่ได้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายลง คนป่วยคนตายคาบ้านข้างถนน คนตกงานเป็นล้านๆ และคงมีคนฆ่าตัวตายอีกมากมันไม่ใช่กัดกร่อนแค่ประยุทธ์ แต่ทั้งระบอบ อย่างที่ ศ.เกษียร เตชะพีระ โพสต์เตือน

“ระบอบการเมืองซึ่งปราศจากกลไกในตัว ที่จะขจัดผลัดเปลี่ยนการนำอันไร้ประสิทธิภาพ ย่อมทำให้ทางเดียวที่จะเปลี่ยนการนำได้ คือเปลี่ยนระบอบ”

ประยุทธ์ไม่ได้มาคนเดียว ไม่ได้เสื่อมคนเดียว แต่เป็นตัวแทนระบอบอำนาจอนุรักษนิยม เป็นผู้นำไร้ฝีมือ บนยอดพีระมิดของรัฐราชการไร้ประสิทธิภาพ ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชาชน เพื่อรักษาความมั่นคงของอำนาจอนุรักษ์ ไม่สามารถปรับเป็นรัฐบริการ

ในภาพที่ดูเหมือนมั่นคงจึงเป็นพันธนาการ ประยุทธ์พร้อมตายคาเก้าอี้ แต่ไม่ได้ตายคนเดียว พารัฐราชการทหารตำรวจองค์กรกฎหมายหรือกระทั่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตายไปด้วย

กองเชียร์ประยุทธ์วาดภาพเสมือน “วาระสุดท้ายของอุดมการณ์อนุรักษ์” เปลี่ยนประยุทธ์ไม่ได้ จะพังไปหมด ไอ้พวกสามกีบมันคิดไกลกว่านั้น มันไม่ใช่จ้องล้มประยุทธ์คนเดียวดังนั้นต้องปกป้องประยุทธ์ชนฝา ไม่ว่าล้มเหลวโควิดอย่างไรก็ไม่ยอมรับ จนถึงขนาดแพร่ภาพ “จ้างตาย”

การผูกประยุทธ์ไว้อย่างนี้ เป็นผลดีผลร้าย แล้วแต่จะคิด แต่ผูกติดไปหมดแล้ว

ในฝ่ายไล่ประยุทธ์ก็มีคนโวย คาร์ม็อบ 1 สิงหากำลังกระแสขึ้น คนเข้าร่วมล้นหลาม 30 จังหวัด กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย เยาวชนปลดแอก แนวร่วมธรรมศาสตร์ กลับมาจัด 3 สิงหา 7 สิงหา 10 สิงหา รำลึก 1 ปี “แผ่นดินไหว” จะทำให้เสียกระบวน

แต่มีคนย้อนถาม ม็อบแบบ 1 สิงหาไล่ได้หรือเปล่าคาร์ม็อบยาวจากแม่สายถึงเบตงก็อาจไล่ไม่ได้ แม้เป็นประเด็นคู่ขนาน แต่พันกันไปหมด

ระบอบประยุทธ์ที่เป็นตัวแทนเครือข่ายอำนาจอนุรักษ์ พาประเทศมาอยู่ในจุดตัน กลางเขาวงกต ไม่มีทางออกทั้งในระบบนอกระบบ ป่วยการพูดถึงกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ลาออก แล้วเลือกนายกฯ ตามบัญชี หรือนายกฯ คนนอกก็ไม่จบ ไม่มีตัวบุคคล ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แค่จะแก้รัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้ง ก็ยังแก้ไม่ได้เลย

ไม่ต้องพูดถึงการตั้ง ส.ส.ร.แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ลงประชามติ โลกสวย แม้เป็นไปตามหลักการ

สังคมจะเดือดดาลมากขึ้น ปั่นป่วนมากขึ้น แต่ไม่มีจุดจบ ระบอบประยุทธ์ยังคุมอำนาจได้แต่แก้ปัญหาไม่ได้ ปกครองไม่ได้ ไม่เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจ ทั้งวิสัยทัศน์ ฝีมือ และความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม จนมีทั้งข่าวจริงข่าวลือเรื่อง VIP ได้วัคซีน

คนไล่ประยุทธ์ขยายตัวกว้างขวาง แม้ไม่เป็นเอกภาพกัน (ปัดโธ่ กระทั่งเพื่อไทยก้าวไกลยังขัดแย้งกัน) อดีตพันธมิตร อดีต กปปส. หมอพยาบาล นักวิชาการประชาธิปไตย TDRI คนในพรรคร่วมรัฐบาล ฯลฯ แต่ไล่ไม่ได้ เพราะทางตัน

สภาพอย่างนี้คือ Chaos ไม่จบง่าย แต่จะเขย่าไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ ดีหรือร้ายยังมองไม่ออก

สถานการณ์อย่างนี้ คนรุ่นเก่าอาจวิตก แต่คนรุ่นใหม่พร้อมเสี่ยง และเห็นเป็นความหวัง

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ https://www.khaosod.co.th/politics/news_6549077