Skip to main content
sharethis

อภิปรายไม่ไว้วางใจ 31 ส.ค. ถึง 4 ก.ย. ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ วันลงมติก็ยกมือเป็นฝักถั่ว อย่าเพ้อฝันว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลแหกโผ

วิปรัฐบาลรีบสนับสนุนให้บรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 31 ส.ค. ถึง 4 ก.ย. ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ วันลงมติก็ยกมือเป็นฝักถั่ว อย่าเพ้อฝันว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลแหกโผ

พรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะขัดแย้งกันรุนแรงเพียงไร ก็มาถึงจุดเลวร้ายที่ต้องกอดคอจมน้ำไปด้วยกัน ภูมิใจไทยตายพร้อมประยุทธ์ในสถานการณ์โควิด ประชาธิปัตย์ล้มเหลวประกันราคาข้าว สินค้าเกษตร ใครถอนตัวจากรัฐบาลก็เน่าอยู่ดี ไม่ใช่จะได้เป็นพระเอก

การอภิปรายไม่ไว้วางใจมาพร้อมกับรัฐบาลตีกิน โควิดจางเป็นผลงานรัฐบาล ทั้งที่ยักแย่ยักยันปล่อยให้ประชาชนเอาตัวรอดกันเอง กว่าจะจัดระบบรองรับได้ มีคนติดเชื้อเกินล้าน มีคนตายเกินหมื่น แต่โดยธรรมชาติ พอติดเชื้อมากๆ แล้วหาย ก็เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

รัฐบาลก็ฉวยมา “ปั่นหุ้น” รีบออก “ข่าวดี” เช่นมาตรการคลายล็อก 1 ก.ย. นั่งกินในร้านอาหารได้ เปิดห้าง เปิดโรงเรียนได้ (แต่ไม่เลิกเคอร์ฟิว ยังเชื่อว่าโควิดหากินกลางคืนหรือไง)

วัคซีนกะปริบกะปรอย ในช่วงจำเป็นสูงสุด จัดหาไม่ได้ จัดสรรก็ลักลั่น แทนที่จะให้คนแก่ คนมีโรคประจำตัวฉีดก่อน หน่วยงานต่างๆ แก่งแย่ง เอาหน้า จัดให้คนในอุปถัมภ์ เอกชนต้องดิ้นรนซื้อซิโนฟาร์ม คนชั้นกลางจองโมเดอร์นา หมอพยาบาลด่านหน้าได้ไฟเซอร์อเมริกาบริจาค ฯลฯ มาวันนี้ กรมควบคุมโรคแถลงว่า วัคซีนจะล้นแขนประชาชนในเดือนธันวา

ไชโย จะเปิดประเทศแล้ว ลืมความล้มเหลวให้หมด มองไปข้างหน้า เลิกด่ารัฐบาล

นี่คือมาตรการหวังผลการเมือง ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างไร แฉความชั่ว ความเลว ความห่วยแค่ไหนก็ไร้ผล พรรคร่วมโหวตท่วมท้น “ปิดจ๊อบ” แล้วก็จะอยู่ต่อไปอีกนาน ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ได้จนปีหน้า ประยุทธ์ไม่ออก ไม่ยุบสภา ไม่แก้รัฐธรรมนูญ

เผลอๆ ระบบเลือกตั้งที่เพิ่งผ่านวาระ 2 ก็ถูกคว่ำวาระ 3 หรือไม่คว่ำก็ได้ ปล่อยผ่านไป ประยุทธ์ก็ไม่ยุบสภา จนกว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้เปรียบในระบบบัตรสองใบ

ระบอบประยุทธ์คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทหารตำรวจ กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ เสียงท่วมท้นในสภา + 250 ส.ว. โดยมีอำนาจอนุรักษ์นิยมบงการ ประสานประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ แม้เป็นรัฐบาลที่มีคนโกรธเกลียดมากที่สุด ล้มเหลวที่สุด ก็อยู่ได้

ระบอบประยุทธ์ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ แต่ถนัดใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาแบบทหาร “จับตัวประกัน” คือทำให้คนท้อใจว่าไม่มีทางโค่นได้ แม้คนจำนวนหนึ่งยังสู้ แต่คนจำนวนหนึ่งก็ทดท้อยอมจำนน มุ่งทำมาหากินดิ้นรนพึ่งตัวเองดีกว่า

อย่างไรก็ดี ถ้าดูแค่ 2 ปีกว่าหลังเลือกตั้ง ก็เกิดปรากฏการณ์ไม่เคยพบเคยเห็น ตั้งแต่แฟลชม็อบทุกมหาวิทยาลัยตอนยุบพรรคอนาคตใหม่ แล้วกลายเป็นม็อบสามนิ้ว ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ “ทะลุเพดาน” กลายเป็น “เยาวรุ่นทะลุแก๊ส” ท้าทายตำรวจเป็นสัปดาห์

ในแง่ความเสื่อมของรัฐ ก็มีทั้งทหารกราดยิง ผู้กำกับถุงดำ เร่งเร้ากระแสปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ กระบวนการยุติธรรม

ม็อบทั่วประเทศถูกตั้งข้อหาไปแล้วเป็นพัน แต่คิดหรือว่าหยุดยั้งได้ มีแต่จะยกระดับเพิ่มรูปแบบการประท้วงใหม่ๆ และพัฒนาไป “ไม่ใช่แค่ไล่รัฐบาล”

มองในมุมหนึ่ง รัฐบาลบริหารแย่ลงๆ กระแสไล่ยกระดับขึ้นๆ แต่ประยุทธ์ก็อยู่ได้ ไม่ไปสักที จนบางคนรู้สึกเป็น new normal คุ้นชิน

แต่อีกมุมหนึ่ง นั่นแหละคือ “กบต้ม” ความขัดแย้งทางการเมืองจะร้อนแรงขึ้นไม่หยุดยั้ง พุ่งไปถึงโครงสร้างอำนาจอนุรักษ์ (ลองดูโลกออนไลน์ว่า กล้าท้าทายถึงขั้นไหนแล้ว)

ในทางเศรษฐกิจ แม้ดูเหมือนโควิดจาง “ฮันนีมูน” มีแต่ข่าวดี แต่ก็รู้กันว่าความฉิบหายวายป่วงในช่วงปีกว่าไม่ฟื้นง่าย ซ้ำร้ายเศรษฐกิจหลังโควิดจะเป็นรูปตัว K คือยิ่งเหลื่อมล้ำ ทั้งความรวยจน และการที่บางภาคธุรกิจรุ่ง บางภาคตายสนิท

รัฐบาลจะผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็เหมือนเก็งกำไรระยะสั้น หลังจากนั้นการเมืองก็จะยิ่งแรง

 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/column/473387

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net