Skip to main content
sharethis

สปสช.มอบ ATK แก่โรงเรียนสังกัด กทม. 109 แห่ง ที่จะเปิดเรียนแบบ On-Site ในชั้นมัธยมวันที่ 15 พ.ย.นี้ ด้าน ผอ.สำนักอนามัย ชี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่นักเรียน ครู และผู้ปกครอง ด้านเลขาธิการ สปสช.หวังเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การเปิดเรียนในกลุ่มเด็กเล็กได้ ถ้าทำได้ถือว่าเป็นชัยชนะของประเทศ

11 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (11 พ.ย.) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย พญ.ลลิตา กองคำ รองเลขาธิการ ดร.ทพ.วิรัตน์ เอื้องพูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ สปสช.เขต 13 กทม. ตลอดจนคณะผู้บริหารจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย นพ.อำนาจ มะลิทอง ผู้อำนวยการศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน และ น.ส.พิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการเขตบางเขน เดินทางไปที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เพื่อมอบชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) สำหรับตรวจคัดกรองโควิด-19 แก่นักเรียนชั้นมัธยม ในโรงเรียนสังกัดกทม. 109 แห่ง ที่กำลังจะเปิดการเรียนการสอนแบบ On-Site ในวันที่ 15 พ.ย. 64 รวมทั้งมอบ ATK ให้แก่สำนักงานเขตบางเขนเพื่อตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่

พญ.ป่านฤดี กล่าวว่า 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ กทม.เปิดการเรียนการสอนได้คือ 1.วัคซีน และ 2.ATK  ซึ่งในส่วนของวัคซีน กทม. ฉีดแก่บุคลากรทางการศึกษาไป 90% แล้ว ส่วน ATK จะเป็นอีกส่วนที่ช่วยเพิ่มความพร้อมให้มากขึ้น กทม.ต้องขอบคุณ สปสช.อย่างยิ่งในการสนับสนุน ATK ทำให้เกิดความมั่นใจแก่ทั้งนักเรียน ครูและผู้ปกครอง ในการเปิดการเรียนการสอนนี้

พญ.ป่านฤดี กล่าวอีกว่า กทม.มีโรงเรียน 437 แห่ง มีครูและบุคลากรประมาณ 22,000 คน โดยได้รับการสนับสนุน ATK จาก สปสช. จำนวน 46,000 ชุดเพื่อรองรับการเปิดเรียนและและสุ่มตรวจเป็นระยะและน่าจะเพียงพอไปอีกช่วงหนึ่ง

“การแจก ATK เพื่อตรวจคัดกรองทั้งนักเรียนและครูเป็นแนวคิดที่ดีสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ จริงๆ แล้ว สปสช.แจกให้ประชาชนทุกคนที่มีความเสี่ยง ทั้งร้านอาหาร ตลาด สปา ร้านนวด ฯลฯ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ กทม. เปิดเมืองได้ด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น” พญ.ป่านฤดี กล่าว

ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่มเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่สำคัญ จึงต้องสร้างความมั่นใจในการเปิดเรียน วิธีการอย่างหนึ่งคือการใช้ ATK และเชื่อมโยงกับหน่วยบริการ เมื่อใดที่พบผลบวกต้องมีระบบการดูรักษา ซึ่ง ณ วันนี้มั่นใจว่าระบบสาธารณสุขสามารถรักษาได้แน่นอน

นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกลุ่มเด็กเล็กนั้น เป็นอีกเป้าหมายสำคัญ ไม่เฉพาะแค่ไทยแต่ทั่วโลกว่าต้องเปิดเรียนให้ได้ ถ้าเปิดได้ถือเป็นชัยชนะของประเทศนั้นๆ เพราะเด็กเล็กไม่มีข้อบ่งชี้ให้ฉีดวัคซีน จึงต้องฉีดให้ครูที่จะไปดูแลเด็ก แต่กระนั้นเด็กเล็กก็อาจนำเชื้อจากโรงเรียนไปบ้านหรือบ้านมาโรงเรียนได้ จึงต้องมีมาตรการเข้ามารองรับ สปสช.ไม่ได้หวังว่าจะไม่เกิดการติดเชื้อเลย แต่เมื่อติดขึ้นมาแล้วระบบที่มีอยู่สามารถรองรับได้ ดังนั้นหวังว่าการเปิดการเรียนการสอนในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ถ้าสามารถแสดงให้เห็นว่าถ้าโรงเรียนเด็กเล็กเปิดได้และมีมาตรการเฝ้าระวังอย่างดี ถ้าทำได้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จ

“ผมคิดว่าการเปิดประเทศอาจไม่สำคัญเท่าการเปิดเรียนให้เด็กเล็ก ที่เรามากันในวันนี้ก็เพื่อส่งสัญญาณให้เห็นว่าจุดนี้คือจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ และอยากให้เป็นจุดตั้งต้นในการเผยแพร่ และถ้าขยายไปทั่วประเทศได้ ผมคิดว่าสังคมเราจะดีขึ้นแม้จะมีโควิด-19 ก็ตาม” นพ.จเด็จ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net