ศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสินพลิกจากที่ศาลแขวงเคยตัดสินไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เปลี่ยนเป็นให้ส่งตัวผู้ก่อตั้งเว็บแฉวิกิลีกส์ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนสู่สหรัฐฯ ได้ จากเดิมที่ก่อนหน้านี้เคยตัดสินห้ามส่งตัวเพราะกลัวว่าสภาพของจูเลียน อัสซาจน์ เสี่ยงที่เขาจะฆ่าตัวตาย

ที่มาภาพ: Valeriy Osipov (CC BY 2.0)

ศาลสูงของสหรัฐฯ กลับคำพิพากษาเดิมที่เคยระบุว่าจะไม่ให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จูเลียน อัสซาจน์ ไปยังสหรัฐฯ โดยที่อัสซาจน์คือผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์แฉข้อมูลผู้นำทั่วโลก และถูกทางการตั้งข้อหาเรื่องมีส่วนร่วมในการได้มาซึ่งข้อมูลลับด้านการทหารของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับสงครามอัฟกานิสถานและสงครามอิรักและเปิดโปงข้อมูลเหล่านี้สู่สาธารณะ

ก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลสหรัฐฯ เคยตัดสินไม่ให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จูเลียน อัสซาจน์ ไปยังสหรัฐฯ โดยที่ผู้พิพากษาศาลแขวงในตอนนั้นคือ วาเนสซา บาไรต์เซอร์ ระบุสาเหตุว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจของอัสซาจน์มีความเสี่ยงที่เขาจะฆ่าตัวตาย แต่ในวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ เบอร์เนตต์ และผู้พิพากษาโฮลรอยด์ ตัดสินให้สามารถส่งตัวอัสซาจน์ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนได้

สเตลา มอริส คู่หมั้นของอัสซาจน์โต้ตอบในเรื่องคำตัดสินนี้โดยกล่าวว่าพวกเขาจะยื่นอุทธรณ์ต่อในเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และบอกว่าคำตัดสินในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักการพื้นฐานด้านเสรีภาพสื่อและหลักการประชาธิปไตย

มอริสกล่าวว่าตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมาอัสซาจน์ต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำเบลมาร์ช และก่อนหน้านี้เขาก็ต้องกักตัวมาโดยตลอดนับตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 2553 ไม่ว่าจะในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

มอริสตั้งคำถามว่าศาลสูงสหรัฐฯ รับรองให้มีการส่งตัวอัสซาจน์ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนได้ในสภาพที่เขาจะถูกส่งตัวไปยังประเทศที่วางแผนจะลอบสังหารเขา เรื่องนี้ขัดต่อหลักเสรีภาพสื่อและหลักการประชาธิปไตย มอริสบอกอีกว่าอัสซาจน์เป็นตัวแทนของการมีชิวิตอยู่ในสังคมที่เสรีและกล่าวประณามที่ทางการอังกฤษทำการคุมขังอัสซาจน์แทนอำนาจต่างประเทสอย่างสหรัฐฯ

ก่อนหน้าผู้พิพากษาให้สาเหตุที่ไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอัสซาจน์ว่าเพราะเสี่ยงที่เขาจะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำที่มีข้อจำกัดเข้มงวด แต่ทางการสหรัฐฯ ก็แถลงในเวลาต่อมาว่าพวกเขารับประกันจะไม่ให้อัสซาจน์ต้องเผชิญกับมาตรการเข้มงวดใดๆ ทั้งช่วงก่อนหน้าการดำเนินคดีและหลังการตัดสินคดีแล้ว เว้นแต่ว่าอัสซาจน์จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในอนาคตที่เข้าข่ายให้ต้องคุมขังเขาในเรือนจำที่มีความเข้มงวดสูง ทำให้ผู้พิพากษาอ้างเรื่องการรับประกันของทางการสหรัฐฯ ในการตัดสินครั้งนี้ นอกจากนี้ทนายความฝ่ายทางการสหรัฐฯ เจมส์ ลูอิซ คิวซี ก็อ้างว่าสุขภาพของอัสซาจน์ดีพอที่จะส่งตัวเขาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

ทนายความของอัสซาจน์โต้กลับในเรื่องนี้ว่า แค่การรับประกันว่าจะปฏิบัติต่ออัสซาจน์อย่างไรนั้น "คลุมเครือ"และไร้ความหมาย และพวกเขาจะอุทธรณ์เรื่องนี้ภายใน 14 วันหลังจากนี้ นอกจากนี้ยังมีคำให้การต่อศาลว่าอัสซาจน์ต้องอยู่ในสภาพที่ "อยู่ในอันตราย ถูกคุกคาม และหวาดผวา" ในช่วงที่เขาอยู่ภายใต้การจับตามองขณะใช้ชีวิตอยู่ที่สถานทูตเอกวาดอร์ในกรุงลอนดอน

จนกระทั่งในปี 2562 ก็มีการเปลี่ยนแปลงจุดยืนหลังเอกวาดอร์มีรัฐบาลใหม่ทำให้ตำรวจเข้าไปจับกุมอัสซาจน์ได้ในข้อหาฝ่าฝืนเงื่อนไขการให้ประกันตัว ทำให้อัสซาจน์ต้องอยู่ในเรือนจำเบลมาร์ชนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากเดิมที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในสถานทูตมาเป็นเวลาราว 7 ปี

เรียบเรียงจาก
Julian Assange: High Court reverses decision not to extradite WikiLeaks founder to the US, Sky News, 10-12-2021