ต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาจากปฏิบัติการของพรรคเพื่อไทยในการนับองค์ประชุมและไม่แสดงตนในที่ประชุมสภาฯ เพื่อแสดงให้เห็นปัญหาของรัฐสภาที่ควรจะมี ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลเข้ามาเป็นองค์ประชุมเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วกลับมีจำนวนไม่ครบองค์ประชุมขัดกับหลักการ “ปกครองด้วยเสียงข้างมาก เคารพสิทธิเสียงข้างน้อย” ทำให้เกิดเหตุสภาล่ม 2 ครั้งติดต่อกัน จากตลอดอายุ 3 ปีของสภานี้ ที่ล่มมาเป็นครั้งที่ 15 แล้ว พรรคเพื่อไทยชี้ไปที่ความรับผิดชอบของรัฐบาล และย้ำว่าหากทำไม่ได้ก็บริหารไม่ได้ ควรแสดงความรับผิดชอบ “ลาออกไป” ขณะเดียวกันวาระสำคัญในการประชุมนั้นคือ ร่าง พ.ร.บ.สรุาก้าวหน้าฯ ที่พรรคก้าวไกลเสนอ และรายงานบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ ทำให้เกิดการถกเถียงวิพากษ์แนวทางการเคลื่อนไหวกัน ฝั่งพรรคก้าวไกลออกมาระบุว่า การนับองค์ประชุมไม่ควรนำมาใช้ในทุกเรื่อง แต่ต้องดูเป็นเรื่องๆ เรื่องของประชาชนสำคัญกว่าการตรวจสอบองค์ประชุมสภา ไม่อยากให้นำมาเป็นเกมการเมืองเพื่อเอาชนะกันนั้น
การถกเถียง ตรวจสอบ วิพากษ์ถึงหลักการและแนวทางระหว่างกันเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย จึงทำให้พรรคหรือกลุ่มการเมืองที่เป็นแนวร่วมฝั่งฝ่ายการเมืองเดียวกันมักมีประเด็นขัดแย้งกัน หรือวิวาทะกันทั้งในเชิงวิธีคิดและวิธีการ และประเด็นสภาล่มก็ไม่ใช่ครั้งแรก ในโอกาสนี้จึงขอย้อนทวนอีก 3 ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเคยเห็นแย้งกัน
ประเด็น | พรรคเพื่อไทย | พรรคก้าวไกล |
สภาล่ม ระหว่างวันที่ 2-4 ก.พ.65 ทำให้ ร่างพ.ร.บ.สรุาก้าวหน้าฯ ที่พรรคก้าวไกลเสนอ และรายงานบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ ไม่ผ่านการพิจารณาในการประชุมครั้งนั้น ข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาสภาล่ม 2 ครั้งติดต่อกัน ทำให้สภาผู้แทนฯชุดนี้ล่มเป็นครั้งที่ 15 แล้ว (ที่มา iLaw) กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงาน เมื่อ ก.ค.64 กลุ่มงานเข้าชื่อเสนอกฎหมาย สำนักงานเลขาฯ สภาฯ ระบุว่า ร่างกฎหมายประชาชน 59 เรื่องถูกตีตก จากชั้นรัฐสภา นายกฯไม่รับรอง และประธานรัฐสภาวินิฉัยให้จำหน่ายเรื่อง รวม 14 ฉบับ | ความเห็นของ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคฯ ระบุ องค์ประชุมเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องทำให้ครบองค์ สภาล่มจึงเป็นภาระและความรับผิดชอบของรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้ก็บริหารไม่ได้ ควร แสดงความรับผิดชอบ “ลาออกไป” ขัดหลักการ “ปกครองด้วยเสียงข้างมาก เคารพสิทธิเสียงข้างน้อย” การไม่เป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล ถือเป็นการตรวจสอบรัฐบาล (ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์) | ความเห็นของ ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อและ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ระบุว่า การนับองค์ประชุมไม่ควรนำมาใช้ในทุกเรื่อง แต่ต้องดูเป็นเรื่องๆ เรื่องของประชาชนสำคัญกว่าการตรวจสอบองค์ประชุมสภา ไม่อยากให้นำมาเป็นเกมการเมืองเพื่อเอาชนะกัน ส.ส.ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ขอให้เป็นฝ่ายเดียวคือฝ่ายนิติบัญญัติที่จะออกกฎหมายนี้เพื่อประชาชนในสิ้นเดือนก.พ. (ที่มา : ข่าวสดออนไลน์และมติชนออนไลน์) |
งบกลาง ส.ค.64, กมธ.ตัดลดงบประมาณรายจ่ายปี 65 และขอแปรงบ 16,300 ล้านบาทไปไว้ที่งบกลาง 1 หมื่นล้านบาท กมธ.จากพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงกมธ.พรรคเพื่อไทย ลงมติเห็นชอบให้แปรงบ 16,300 ล้านบาท ไปไว้ที่งบกลาง ขณะที่กมธ.จากพรรคก้าวไกล 6 เสียง และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติ 7 เสียง คัดค้าน | ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.และเลขาฯพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.งบฯ แถลงว่าการนำงบที่ตัดได้ไปเพิ่มในงบกลาง เพื่อบรรเทาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมปฏิเสธคำกล่าวที่ว่า เมื่อโยกเงินเข้างบกลาง พล.อ.ประยุทธ์ จะเอาไปใช้อย่างไรก็ได้ "ที่กล่าวกันว่าจะเอาไปซื้ออาวุธมายิงพี่น้องประชาชน เป็นคำกล่าวที่เกินเลยข้อเท็จจริง เพราะในข้อเท็จจริงแล้วการใช้งบกลางมีระเบียบการใช้เงินรองรับ ไม่สามารถใช้เงินนอกวัตถุประสงค์หรือใช้โดยปราศจากการตรวจสอบได้" เลขาฯพรรคเพื่อไทย กล่าว (ที่มา : บีบีซีไทย) | ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคก้าวไกลในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ แปรงบไปยังงบกลางมีความไม่ชอบมาพากล ไม่เหมาะสม เพราะการไปเพิ่มงบกลาง 1 หมื่นกว่าล้านบาท แม้อ้างเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด อีกทั้งงบกลางเป็นอำนาจเต็มของนายกฯ ที่จะอนุมัติงบประมาณไปใช้ จึงยากในการตรวจสอบ (ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์) |
แก้รัฐธรรมนูญ มิ.ย.64, ระหว่างแตะกับไม่แตะหมวด 1, 2 | 15 มิ.ย.64 ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยว่า เตรียมยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 (ที่มา : ข่าวสดออนไลน์) | รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่าการแก้ไขหมวด 1-2 ไม่ใช่เรื่องของการล้มล้างการปกครอง เพราะภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 255 กำหนดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขระบอบการปกครองหรือรูปแบบของรัฐจะกระทำมิได้อยู่แล้ว ในขั้นตอนการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ก็มีการแก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขนั้นสามารถทำได้ (ที่มา : iLaw) |
ระบบเลือกตั้ง มิ.ย.64 ระหว่างแก้เป็นบัตร 2 ใบ กับ MMP | พรรคใหญ่อย่างพรรคพลังประชารัฐ แกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย แกนนำฝ่ายค้าน และพรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนการกลับไปสู่ระบบบัตรสองใบ คิดคะแนนเขตและบัญชีรายชื่อแยกกัน สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าระบบ 2 ในเพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ประชาชน เพราะระบบบีบบังคับให้ต้องเลือกทั้งคนและพรรคพร้อมกัน ซึ่งไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน แต่ถ้าเป็นแบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หากประชาชนชอบนายสุทิน ก็ลงคะแนนเลือกนายสุทิน แต่ถ้าไม่ชอบพรรคที่ตน สังกัดก็สามารถลงคะแนนให้พรรคอื่นได้ ประชาชนไม่ถูกกดดันและสื่อถึงความต้องการของประชาชนที่แท้จริง (ที่มา : iLaw, ประชาชาติธุรกิจออนไลน์) | พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็กอื่น ๆ กลับไม่ให้การสนับสนุน เช่น พรรคภูมิใจไทยซึ่งประกาศงดออกเสียงทั้งในวาระสองและสาม หรือพรรคก้าวไกลซึ่งสนับสนุนระบบ MMP แบบประเทศเยอรมนี ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า ระบุบ 2 ใบนั้น ทำให้พรรคใหญ่เกิดการกินรวบและนำสู่การรัฐประหาร ธีรัจชัย ระบุอีกว่าพรรคเสนอสูตรการคำนวณแบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMP เพราะเป็นกติกาที่สะท้อนความต้องการของประชาชนเพื่อให้ได้พรรคการเมืองมาบริหารประเทศดีกว่าแบบรัฐธรรมนูญ 2540 (ที่มา : iLaw, ไทยพีบีเอส และ มติชนออนไลน์) |
นอกจากนี้ยังมีเมื่อ ต.ค.62 เรื่อง พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นหน่วยงานบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยพรรคเพื่อไทยโหวตเห็นด้วย ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ นำโดยปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคฯ อภิปรายทักท้วงและขอใช้สิทธิ์ลงมติไม่อนุมัติพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว เนื่องจากขัดต่อเงื่อนไขการตรา พ.ร.ก. ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคสองกำหนดว่าเมื่อ ครม. เห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ทั้งนี้การรักษาความปลอดภัยองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ รวมทั้งให้ปฏิบัติภารกิจตามพระราชอัธยาศัยและตามพระราชประเพณีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามอำนาจและหน้าที่ของหน่วยงานกองทัพสามารถดำเนินการต่อประเด็นดังกล่าวได้ และถือเป็นภารกิจหลัก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)