Skip to main content
sharethis

ภาคี #SAVEบางกลอย ประณามรัฐบาลและ สน. นางเลิ้ง หลังสมาชิกชาวบ้าน ‘บางกลอยคืนถิ่น’ และสมาชิก ‘ภาคีSaveบางกลอย’ ถูกออกหมายเรียกข้อหา ‘ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ ร่วมกับสมาชิกพีมูฟ 11 ราย

13 ก.พ. 2565 เพจภาคี #SAVEบางกลอย รายงานว่าเมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 2565) นายพชร คำชำนาญ สมาชิกภาคีSaveบางกลอย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าตนได้รับหมายเรียกจากสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในข้อหา “ร่วมกันฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” โดยมีนัดหมายให้ไปเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 ก.พ. นี้ เวลา 10.00 น. คาดว่าเป็นหมายเรียกที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ม.ค. ถึงต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ในหมายระบุว่ามีผู้ได้รับหมายเรียกในข้อหาดังกล่าวทั้งสิ้น 11 คน

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครได้รับหมายเรียกเพิ่มเติม แต่จากการตรวจสอบข้อมูลจาก สน. นางเลิ้ง ได้รายชื่อผู้ถูกออกหมายเรียกครบแล้วทั้ง 11 คน ได้แก่

1. นายจำนงค์ หนูพันธ์ สมาชิกเครือข่ายสลัมสี่ภาค ประธานคณะกรรมการบริหารพีมูฟ
2. นางพรพินันท์ โชติวิริยะนนท์ สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
3. นายพชร คำชำนาญ สมาชิกภาคีSaveบางกลอย และกองเลขานุการพีมูฟ
4. น.ส.จันทร ต้นน้ำเพชร สมาชิกกลุ่มบางกลอยคืนถิ่น เป็นเยาวชน
5. นายวิทวัส เทพสง กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล สมาชิกเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง
6. นางหนูเกณ อินทจันทร์ สมาชิกเครือข่ายสลัมสี่ภาค
7. นางมะไล เจียงเพ็ง สมาชิกเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง
8. นายนิธิป คงทอง สมาชิกเครือข่ายสลัมสี่ภาค
9. นายวัลลภ พันธ์ดี สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
10. นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ที่ปรึกษาพีมูฟ และผู้ขออนุญาตชุมนุม
11. น.ส.เนืองนิช ชิดนอก สมาชิกเครือข่ายสลัมสี่ภาค

พชร คำชำนาญ กล่าวว่าตลอดระยะเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. จนสิ้นสุดการชุมนุมในวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น พี่น้องขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ รวมทั้งพี่น้องจากกลุ่มบางกลอยคืนถิ่น ได้กลับมารวมตัวกันเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยยืนยันหลักการ “ทวงสิทธิ สร้างอำนาจกำหนดชีวิตประชาชน” ซึ่งนับเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หลังจากเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่กลุ่มพีมูฟได้รับ MOU แก้ปัญหารายกระทรวง ในขณะที่กลุ่มพี่น้องบางกลอยได้รับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งปีแทบไม่มีการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ไหนคืบหน้า ซ้ำยังถูกคุกคามอย่างหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ความขัดแย้งในพื้นที่ยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์ที่หน่วยงานรัฐพยายามผลักดันกฎหมายและนโยบายที่จะกระทบกับวิถีชุมชน

การกลับมาครั้งนี้จึงคล้ายกับการมาทวงสัญญา แต่เป็นการยกระดับให้เป็นการ “ทวงสิทธิ” โดยการชู 15 ข้อเรียกร้องเชิงนโยบายเพื่อให้การเรียกร้องครั้งนี้ครอบคลุมประชากรหลากหลายกลุ่ม เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ พี่น้องต้องเดินทางไกลมาจากต่างจังหวัดมานอนอยู่บนถนน ตากแดด ตากฝน ฝุ่นควัน มลภาวะ ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อการทวงสิทธิที่ตนพึงมีในฐานะมนุษย์ “สิทธิ” ที่ถูกรัฐไทยพรากไปอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งบรรยากาศความพยายามในการควบคุมฝูงชน การใช้กำลังเจ้าหน้าที่ คฝ. การวางแนวรั้วลวดหนาม ตลอดจนการมีหมายเรียกครั้งนี้ กลับยิ่งซ้ำเติมหนัก สะท้อนภาพชัดว่า “สิทธิอันพึงมี” ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงในบรรยากาศการเมืองแบบเผด็จการเช่นนี้ เพราะนอกจากจะไม่ได้รับสิทธิแล้ว ยังถูกกระทำย่ำยีซ้ำด้วยเครื่องมือทางกฎหมายแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปีที่แล้วกับกลุ่มภาคี #SAVEบางกลอย และเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นเช่นกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net