Skip to main content
sharethis

ศาลแพ่งเลื่อนนัดชี้ 2 สถานเป็น 16 ก.ค. 2567 เหตุอัยการกรมอุทยานฯ (จำเลย) ขอขยายเวลาส่งคำให้การคดี จนท.ในสังกัดของจำเลยกระทำละเมิดต่อชีวิต 'พอละจี' นักรณรงค์เพื่อสิทธิที่ดินบางกลอย

 

10 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งวันนี้ (10 มิ.ย.) เวลา 9.00 น. ณ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ 'มึนอ' ภรรยาของ 'บิลลี่' พอละจี รักจงเจริญ นักกิจกรรมเพื่อสิทธิที่ดินทำกิน ชาวปกาเกอะญอ บางกลอย-ใจแผ่นดิน จ.เพชรบุรี พร้อมกับทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เดินทางมาเพื่อกำหนดนัดชี้สองสถาน และกำหนดนัดสืบพยาน ในคดีหมายเลขดำที่ พ.1459/67 ซึ่งมีมารดาและบุตรของพอละจี เป็นโจทก์ทั้งเจ็ด ยื่นฟ้อง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นจำเลย กรณีเจ้าหน้าที่ภายในสังกัดของกรมอุทยานแห่งขาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรณีละเมิดต่อชีวิตร่างกายบิลลี่ ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนรวมเป็นเงินต้นกว่า 26 ล้านบาท โดยในวันนี้อัยการของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ขอศาลแพ่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การ ศาลอนุญาต เลื่อนนัดชี้สองสถาน วันที่ 16 ก.ค. 2567 เวลา 9.00 น.

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2567 ‘มึนอ’ พิณนภา ในฐานะโจทก์ ผู้รับมอบอำนาจและผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของมารดาและบุตรของ ‘บิลลี่’ พอละจี ได้เดินทางมายังศาลแพ่งเพื่อยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในคดีดังกล่าว โดยศาลแพ่งรับฟ้องและมีคำสั่งให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลแก่โจทก์ทั้งเจ็ด และนัดชี้สองสถานในวันนี้

คดีนี้สืบเนื่องจากเหตการณ์เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 นายพอละจี ได้ถูกจับกุมและควบคุมตัวไปโดย ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในขณะนั้นกับพวก หลังจากนั้นไม่มีใครทราบชะตากรรมของพอละจี อีกเลย จนกระทั่งเมื่อปี 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้สืบสวนสอบสวนจนกระทั่งพบชิ้นส่วนกระดูกที่พิสูจน์ได้ว่ามีไมโทรคอนเดียตรงกับแม่ของพอละจี จึงเป็นเหตุให้ต่อมา พนักงานอัยการ มีคำสั่งฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน เป็นจำเลย เลขคดีหมายเลขดำที่ อท 166/65 ข้อหาร่วมกันฆาตกรรมอำพรางโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง  

พิณนภา กล่าวถึงความรู้สึกของตนในวันนี้ที่ได้เดินทางมาศาลตามนัดคดีดังกล่าวสั้นๆ ว่า “นับแต่วันเกิดเหตุ เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว การต่อสู้ ใช้เวลามานานแล้ว อยากให้ได้รับความเป็นธรรมไวๆ”

ทั้งนี้ นับตั้งแต่พอละจี ถูกบังคับให้สูญหาย ครอบครัวพอละจี ได้เดินหน้าต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคดีอาญาและคดีแพ่งยังคงดำเนินคดีอยู่ ครอบครัวรักจงเจริญยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังไม่ได้รับการเยียวยาต่อการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้สังกัดของกรมอุทยานแห่งชาติฯ แต่อย่างใด อีกทั้ง ยังไม่มีการขอโทษ หรือแสดงความรับผิด รวมถึงไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net