Skip to main content
sharethis

กลุ่มปกป้องสถาบัน ยื่น 1.2 ล้านรายชื่อถึงนายกฯ และกระทรวงมหาดไทย ค้านต่ออายุ-ตะเพิด “แอมเนสตี้ ประเทศไทย” ออกนอกประเทศ อ้างแทรกแซงความมั่นคง ปลุกปั่นทำให้สังคมวุ่นวาย รับไม่ได้เคยออก จม.ล้านฉบับถึงทั่วโลก จี้ทางการไทยหยุดดำเนินคดี ‘รุ้ง’ ปนัสยา ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย  

 

17 ก.พ. 65 สำนักข่าว The Reporters และท็อปนิวส์ (Top News) ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) อาชีวะปกป้องสถาบัน ชุดปฏิบัติการสุริโยไท พสกนิกรปกป้องสถาบัน และอื่นๆ ยื่นรายชื่อราว 1.2 ล้านรายชื่อ ขับไล่องค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกจากประเทศ เนื่องจากมองว่าองค์กรนี้ทำให้ประเทศไทยแตกแยก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

บรรยากาศการทำกิจกรรมวันนี้ (17 ก.พ.) ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่ภายในพื้นที่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ตัวแทนกลุ่ม ศปปส. แถลงชี้แจงวัตถุประสงค์ของยื่นหนังสือ เพื่อร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้แอมเนสตี้ฯ พ้นออกจากประเทศ โดยมีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบหนังสือ

ตัวแทนปกป้องสถาบัน กล่าวปราศรัยหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล

เวลา 10.10 น. ตัวแทนจากกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน กล่าวว่า แอมเนสตี้เข้ามาแทรกแซงกิจกรรมความมั่นคงของประเทศ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ‘รุ้ง’ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล มีความผิดฐานล้มล้างสถาบัน รวมถึงทราบว่า รุ้ง มีการพูดจาหมิ่นประมาทจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์แต่แอมเนสตี้มีการสนับสนุนนักกิจกรรมรายนี้ พร้อมยืนยันว่า รุ้งไม่มีความผิด ดังนั้น ประชาชนจึงยอมไม่ได้ และต้องการขับไล่แอมเนสตี้ ออกนอกประเทศ พร้อมตะโกนทิ้งท้าย “แอมเนสตี้ออกไปๆ”

เวลา 10.16 น. ตัวแทนภาคีพสกนิกรปกป้องสถาบัน กล่าวว่า วันนี้เราใช้การเชิดสิงโตเพื่อต้องการขับไล่เสนียดจัญไร เรามีความเห็นตรงกันว่า แอมเนสตี้เป็นองค์กรที่ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศไทย ทำให้เยาวชนกระด้างกระเดื่อง ซ้ำยังมายุ่งกับมาตรา 112 ที่ปกป้องคุ้มครองสถาบันกษัตริย์

นายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว หนึ่งในแกนนำจากกลุ่ม ศปปส. อ่านแถลงการณ์ที่จะยื่นให้กับแรมโบ้อีสาน โดยระบุว่า ที่ทางกลุ่มต้องออกมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อคัดค้านการต่ออายุ และขับไล่องค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทย ออกนอกประเทศ เนื่องจากองค์กรดังกล่าวแทรกแซงกิจการภายใน และให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดความมั่นคงของประเทศโดยใช้ข้ออ้างเรื่องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน โดยจักรพงศ์ ยกกรณีของ ‘รุ้ง’ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การปราศรัยเรียกร้องปฏิรูปของ ‘รุ้ง’ นั้นเข้าข่ายล้มล้างสถาบัน แต่ทางแอมเนสตี้ มีการส่งจดหมายไปทั่วโลก เพื่อจี้ให้ทางทางไทยหยุดดำเนินคดีกับรุ้ง พร้อมประนามรัฐบาล ซึ่งแกนนำ ศปปส. กล่าวต่อว่า การกระทำของแอมเนสตี้ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และไม่เคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย

นอกจากนี้ จักรพงศ์ กล่าวต่อว่า ทางกลุ่มมีการรวบรวมรายชื่อกว่า 1.2 ล้านรายชื่อ เพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน คัดค้านการต่ออายุแอมเนสตี้ พร้อมเตือนว่าหากเพิกเฉย กลุ่มพสกนิกรจะออกมาต่อต้านอย่างถึงที่สุด 

“การใช้เสรีภาพควรจะอยู่ในขอบเขต สมควรที่จะอยู่ในกรอบในรั้ว การแสดงหรือใช้เสรีภาพของแต่ละคน ควรอยู่ในขอบเขต เพื่อจะไปทำลายคนอื่น หรือแม้กระทั่งมาทำลายดูหมิ่นจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา” จักรพงศ์ ทิ้งท้าย

หลังจากนั้น ตัวแทนกลุ่มปกป้องสถาบันเป็นตัวแทนยื่นหนังสือให้ทั้งหมด 3 หน่วยงานรัฐ ได้แก่ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีผู้อำนวยการ สมช. เป็นตัวแทนรับหนังสือแทน 2) นายกรัฐมนตรี โดยมีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบหนังสือแทน และ 3) กระทรวงแรงงาน โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

รายละเอียดแถลงการณ์

เรื่อง คัดค้านการอนุมัติต่ออายุใบอนุญาตให้แก่  แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ไทยแลนด์ และขับพ้นประเทศไทย

สืบเนื่องจากวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ทางกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านเสกสกล อัตถาวงศ์ เพื่อให้ดำเนินการขับไล่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เพราะว่าองค์กรดังกล่าว เป็นองค์กรที่อ้างตัวเป็นองค์กรนานาชาติเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของคน แต่ความเป็นจริง องค์กรดังกล่าวเข้ามาเพื่อแทรกแซงกิจการภายในราชอาณาจักรไทย และมาสร้างค่านิยมในทางที่ผิดให้กับสังคมไทย ส่งเสริมให้เยาวชนกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมือง เมื่อมีบุคคลกระทำผิดกฎหมายองค์กรดังกล่าว ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องผู้กระทำผิด โดยอ้างความเท่าเทียม เรียกร้องเสรีภาพอันขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมประนามการกระทำรัฐบาล

ที่ประชาชนหลายคนรับไม่ได้คือแอมเนสตี้ฯ เขียนจดหมายล้านฉบับถึงทั่วโลก จี้ทางการไทยหยุดดำเนินคดีกับ นางสาวปนัสยา หรือรุ้ง ทั้งที่บุคคลดังกล่าวได้ตกเป็นผู้ต้องหาการกระทำความผิดกฎหมายความมั่นคงของไทย และภัยความมั่นคงสถาบันกษัตริย์ รวมแล้ว แอมเนสตี้ฯ ก้าวก่ายและแทรกแซงการดำเนินกิจการภายในของราชอาณาจักร แอมเนสตี้ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ แอมเนสตี้ ให้ท้ายกลุ่มบุคคลที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบัน 

นับจากนั้น 3 เดือนมาแล้ว ขอความคิดเห็นจากประชาชน และประชาชนมาร่วมลงรายชื่อขับไล่แอมเนสตี้ จำนวนกว่า 1,200,000 รายชื่อ กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน ได้รวบรวมรายชื่อ และเสนอต่อรัฐมนตรี กระทรวงแรงงาน ไว้เป็นหลักฐาน ว่าประชาชนที่เห็นพ้องไม่ควรต่อใบอนุญาต หากมีการต่อใบอนุญาตให่แอมเนสตี้ กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน จะออกมาคัดค้านอย่างถึงที่สุด

เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังจากรับหนังสือว่า วันนี้เป้าหมายยื่นหนังสือ 3 หน่วยงานหลัก คือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน เนื่องจากทราบมาว่า แอมเนสตี้มีการยื่นจดทะเบียนอยู่สองแห่ง คือ กระทรวงมหาดไทยโดยมีกรมการปกครองเป็นนายทะเบียน ส่วน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล หรือของต่างประเทศ จดทะเบียนที่กระทรวงแรงงาน และสัญญากำลังจะสิ้นสุดลง 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ขณะให้สัมภาษณ์สื่อ

หลังจากนี้ แกนนำประชาชนจะเดินทางไปยื่นหนังสือแก่กระทรวงมหาดไทยในช่วงก่อนเที่ยงวัน เพื่อคัดค้านการต่ออายุการดำเนินงานของแอมเนสตี้ทั้งของนานาชาติ และประเทศไทย และเพื่อให้องค์กรแอมเนสตี้กลายเป็นองค์กรผิดกฎหมาย และใช้กฎหมายไทยผลักดันออกนอกประเทศ 

“ยอมให้คนต่างชาติมาทำลายผืนแผ่นดินไทยไหม” เราต้องให้เหตุผลทางกระทรวงแรงงาน ทาง สมช. กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย ได้ทราบว่า องค์กร NGO มาอาศัย มาตั้งองค์กรในไทย ไม่มีประโยชน์เลย มีแต่หนักแผ่นดิน” แรมโบ้ กล่าว พร้อมตะโกนว่า ‘รักสถาบันไหม จะยอมให้ใครมาทำลายสถาบันไหม ขอบคุณทุกท่านที่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์’

เวลา 11.27 น. ขบวนถึงหน้ากระทรวงมหาดไทยแล้ว ท่ามกลางหยาดฝนลงประปราย ก่อนที่เวลา 11.40 น. อานนท์ แสนน่าน ตัวแทนหมู่บ้านเสื้อแดงปกป้องสถาบันยื่นหนังสือแก่กระทรวงมหาดไทย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net