คนไข้ในเซี่ยงไฮ้ที่เป็นโรคอื่นนอกเหนือจาก COVID-19 ประสบปัญหาเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เพราะการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ทำให้ต้องรอผลการตรวจหาเชื้อ 1 วัน ถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าโรงพยาบาลได้ สร้างความลำบากให้กับคนไข้ที่มีนัดรักษาพยาบาลแบบต่อเนื่อง รวมถึงทำให้คนไข้อย่างน้อยหนึ่งรายเสียชีวิตเพราะเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ทัน
2 เม.ย. 2565 จีนยังคงยืนยันที่จะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดที่เรียกว่า "COVID เป็นศูนย์" ต่อไป โดยมีการประกาศขยายการล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ประชาชนจำนวนมากในเซี่ยงไฮ้แห่ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของตุนก่อนกำหนดการล็อกดาวน์ และมีผู้ป่วยเป็นโรคอื่นที่ไม่ใช่ COVID-19 เดือดร้อนจากการไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้เพราะความเข้มงวดในเรื่องการตรวจคัดกรองคนเข้าโรงพยาบาล
นครเซี่ยงไฮ้มีประชากรอยู่ 26 ล้านคนต้องอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์แบบแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเริ่มจากการล็อกดาวน์ย่านการเงินผู่ตงเป็นเวลา 5 วัน และต่อมาก็มีการเริ่มล็อกดาวน์อีกย่านหนึ่งที่อยู่ฟากตรงกันข้ามของแม่น้ำคือย่านผู่ซีในวันที่ 1 เม.ย. แต่ก็ดูเหมือนว่าย่านผู่ตงอาจจะมีการขยายการล็อกดาวน์ไปอีกหลังจากที่มีการระบาดในชุมชนครั้งใหม่ของสายพันธุ์โอมิครอน รวมแล้วมากกว่า 5,600 ราย ทั้งแบบแสดงอาการและแบบไม่แสดงอาการ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ หม่าชุนเหล่ย ยอมรับว่ารัฐบาลพลาดในเรื่องไม่ได้เตรียมตัวมากพอต่อการระบาดครั้งใหม่ และระบุว่าทางรัฐบาลกำลังพยายามอย่างหนักในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารในนครเซี่ยงไฮ้ภายใต้การล็อกดาวน์ หม่าชุนเหล่ยบอกอีกว่า "พวกเรารับฟังคำวิจารณ์จากทุกคนและกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุง" โดยระบุว่ามีการขยายการตรวจวินิจฉัย COVID-19 และขยายแหล่งแยกตัวผู้ป่วยเพื่อควบคุมโรค
ขณะเดียวกันผู้อาศัยในเซี่ยงไฮ้ก็ยังคงพูดถึงปัญหาเรื่องการแจกจ่ายอาหารสำรองยามฉุกเฉิน ชาวเซี่ยงไฮ้ชื่อสกุลว่า หวัง เปิดเผยทางการเริ่มมีการแจกจ่ายอาหารสำรองยากฉุกเฉินแล้วแต่ไม่ได้ให้กับทุกครัวเรือน แต่ให้กับกลุ่มคนที่ดูขาดแคลนตรงนี้เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกครัวเรือนกำลังยากลำบากหมด หวังบอกว่าในชุมชนของเขามีคนจำนวนมากอาศัยอยู่แต่ก็มี 100 ครัวเรือนเท่านั้นที่ได้รับการแจกจ่ายผักสดเล็กๆ น้อยๆ
ถึงจะมีปัญหาเหล่านี้แต่สื่อของรัฐบาลจีน ซินหัว ก็ยังคงรายงานในทำนองสนับสนุนการจำกัดควบคุมโรคด้วยการล็อกดาวน์ และรัฐบาลจีนก็ยังคงสนับสนุนให้มีการใช้วิธีการจำกัดควบคุมโรค COVID-19 แบบเดิม
นอกจากปัญหาเรื่องอาหารแล้วยังมีเรื่องการจำกัดคนเข้าโรงพยาบาลที่ทำให้ผู้ป่วยและต้องการเข้ารับการรักษาด้วยโรคอื่นๆ ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ แม้กระทั่งการรักษาพยาบาลที่จะช่วยชีวิตผู้ป่วย
เช่น ผู้หญิงที่ชื่อสกุลว่า โจว บอกว่าสามีของเธอมีนัดต้องไปรับการฟอกเลือดด้วยไตเทียมทุกสัปดาห์ที่โรงพยาบาลจงซาน แต่ในตอนนี้พื้นที่อยู่ภายใต้การล็อกดาวน์ ทำให้โรงพยาบาลจงซานช่วยติดต่อให้ไปฟอกเลือดที่โรงพยาบาลใหม่ได้ แต่โรงพยาบาลหลงฮัวที่เป็นโรงพยาบาลใหม่ที่พวกเขาจะได้ไปฟอกเลือดก็อนุญาตให้คนเข้าได้ก็ต่อเมื่อมีผลการตรวจหาเชื้อ COVID-19 แบบ PCR เป็นลบแล้วเท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยเวลาถึง 24 ชั่วโมงในการได้ผลลัพธ์ และบางครั้งผลก็ออกมาช้าเกินไป 10 ชั่วโมง โจวบอกว่ามีคนไข้อีก 500 รายที่ประสบปัญหาเดียวกับเธอ
อีกกรณีหนึ่งมาจากชาวเซี่ยงไฮ้ชื่ออู๋ บอกว่าแม่ของเขาถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้าย อู่บอกว่าแม่เขาจะได้แอดมิทเข้าโรงพยาบาลมาตั้งแต่วันก่อนหน้านี้แต่ต้องอาศัยผลการตรวจ PCR เป็นลบก่อนถึงจะอนุญาตให้แอดมิท เขาร้องเรียนไปยังคณะกรรมการประจำย่านชุมชนแต่ก็สายไม่ว่างหรือไม่รับสายอยู่ตลอด แต่พอหลังจากโพสต์ร้องทุกข์ในโซเชียลมีเดียไปได้ครึ่งชั่วโมงกรรมการชุมชนถึงได้โทรหาเขา
แต่ก็มีชาวเซี่ยงไฮ้รายหนึ่งชื่อ จ้าวหนิง เล่าว่าเขารู้จักคนๆ หนึ่งที่เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืดเรื่องจากการล็อกดาวน์ทำให้เขาเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้ ในตอนที่ชายคนนั้นมีอาการป่วยเขาก็โทรเรียกรถพยาบาลแล้วครอบครัวเขาก็ไปเรียกตำรวจที่เฝ้ายามอยู่ แต่ตำรวจก็ไม่ช่วย มีรถพยาบาลอีกคันหนึ่งมารับคนไข้ COVID-19 ที่ข้างบ้านพวกเขาก็ไปขอความช่วยเหลือแต่พวกเขาก็ช่วยไม่ได้ จากนั้นคนไข้โรคหอบหืดก็เสียชีวิต
เซี่ยงไฮ้มีกรณีผู้เป็นโรค COVID-19 แบบได้รับการยืนยันแล้ว 20,000 กรณี นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นมา มีผู้สังเกตการณ์ประเมินว่าอาจจะมีตัวเลขผู้ป่วยสูงกว่านี้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)