กสทช.ได้รับแจ้งเรื่อง AIS กำลังจะเข้าซื้อกิจการ 3BB แล้วแจงว่าต่างจากกรณี TRUE-DTAC เพราะยังเหลือ NT ที่แม้เป็นผู้เล่นเล็กสุดแต่มีโครงข่ายมากสุดในไทย แต่ประธาน TDRI เห็นว่ารอบนี้จะยิ่งทำให้โทรคมฯ ไทยยิ่งถูกผูกขาดมากขึ้น

5 ก.ค.2565 หลังจากเมื่อวานนี้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) หรือ 3BB โดยซื้อหุ้น 99.87% ของบริษัท รวมถึงซื้อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิส (JASIF) จากบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ 3BB จำนวน 1,520,000,000 หน่วยด้วย

วันนี้ กรุงเทพธุรกิจ รายงานถึงความคืบหน้าจากฝั่ง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยอ้างถึงแหล่งข่าวภายใน กสทช.ว่าขณะนี้คณะกรรมการได้รับหนังสือเป็นทางการจากทาง AIS ในเรื่องนี้แล้วโดยหลังจากนี้สำนักงาน กสทช.จะสรุปรายละเอียดและแผนซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการต่อไป โดยตามหลักการดำเนินงานแล้วทางสำนักงานจะเสนอแบบจำลอง(โมเดล) การรวมธุรกิจในตลาดอินเตอร์เนตบรอดแบนด์ในปัจจุบันทั้งดัชนีการแข่งขัน จำนวนผู้เล่นในตลาด มูลค่าตลาด จำนวนผู้ใช้บริการล่าสุด

ทั้งนี้แหล่งข่าวระบุอีกว่าตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะต้องมีการรับฟังความเห็นสาธารณะ(โฟกัสกรุ๊ป) หรือต้องจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการรวมธุรกิจครั้งนี้เหมือนกรณี True ควบรวมกับ DTAC หรือไม่ เพราะโดยรายละเอียดแล้ว 2 กรณีนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แหล่งข่าวระบุอีกว่ากรณี AIS ซื้อกิจการ 3BB นี้ในส่วนที่ต่างกันกับการควบรวมกิจการของ True และ DTAC คือการควบรวมของ True และ DTAC จะทำให้เหลือผู้เล่นในตลาดผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เหลือผู้นำในตลาดเพียงแค่ 2 รายจากเดิมที่มี 3 รายจะส่งผลกระทบอย่างมากในตลาดรวม และเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทจะทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะมีผู้ให้บริการรายใหม่

ในขณะที่ AIS เข้าซื้อกิจการ 3BB ที่เป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์จากผู้เล่น 4 รายลดเหลือ 3 ราย ยังพอแข่งขันกันได้เนื่องจากในตลาดยังมีบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ NT อีกเจ้าที่แม้เป็นผู้เล่นรายเล็กสุดแต่ก็เป็นผู้เล่นที่มีสายไฟเบอร์ออฟติกและโครงข่ายมากที่สุดในประเทศและสามารถเปิดให้เช่าใช้ได้ ไม่จำเป็นที่รายใหม่จะต้องวางสายไฟเบอร์เองและก็ไม่จำเป็นต้องสร้างให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะจะให้บริการเฉพาะพื้นที่หรือเฉพาะกลุ่มเช่น โรงงาน สถานศึกษาหรือนิคมอุตสาหกรรมได้

ประธาน TDRI ชี้โทรคมฯ ไทยจะถูกผูกขาดมากขึ้น

อย่างไรก็ตามการควบรวมนี้ก็ยังถูกมองว่าจะทำให้เกิดสภาวะผูกขาดในตลาดได้เช่นเดียวกับกรณีการควบรวมของ True-DTAC

สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ จากประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI โพสต์เฟซบุ๊กต่อประเด็นนี้ว่าตลาดโทรคมนาคมของไทยกำลังเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการเพิ่มโครงสร้างที่ผูกขาดมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยวิจารณ์กรณี True-DTAC ควบรวมกิจการกันจะทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดโทรคมนาคมมาก่อนแล้ว

ประธาน TDRI ระบุว่ากรณี AIS ซื้อ 3BB นี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณี True ควบรวมกิจการกับ DTAC ซึ่งหากทั้งสองกรณีทำสำเร็จ ผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่ยอของไทยจะเหลือทางเลือกน้อยลงและเสี่ยงต่อการถูกเอาเปรียบโดยทุนใหญ่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในธุรกิจโรงภาพยนตร์ ค้าปลีกขนาดใหญ่ โรงพยาบาลและอื่นๆ อีกหลายกรณี ที่ไม่ใช่เฉพาะคนจนเท่านั้นที่เดือดร้อนแต่ยังกระทบถึงคนชั้นกลางจำนวนมากด้วย

“การจัดการอำนาจผูกขาดของธุรกิจเอกชนโดยหน่วยงานรัฐไทย ทั้ง กสทช. หรือคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ตลอดจนผู้ใช้อำนาจอธิปไตยทั้งคณะรัฐมนตรี สภาและฝ่ายตุลาการ ไม่ว่าจะไปในทิศทางไหน จะกำหนดอนาคตของทุนนิยมไทย อนาคตการพัฒนาประเทศ และแนวโน้มของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งจะมีผลต่อการเมืองของประเทศอย่างแน่นอน” ประธาน TDRI ระบุ

สมเกียรติยังตั้งคำถามอีกว่าคนไทยจะยอมทนกับนายทุนผูกขาและรัฐที่เข้าข้างทุนใหญ่ไปอีกนานแค่ไหน โดยเขาได้ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตของสหรัฐอเมริกาว่ามีความพยายามควบคุมนายทุนใหญ่ในประเทศและต่อต้านการผูกขาดโดยการควบรวมบริษัททั้งในธุรกิจน้ำมัน การเดินรถไฟและธุรกิจขนาดใหญ่อื่นๆ จนมีการผลักดันให้เกิด “ยุคก้าวหน้า” จากประชาชนในประเทศและปัจจุบันก็เกิดกระแสนี้อีกครั้งในรัฐบาลไบเดน