Skip to main content
sharethis
  • ‘พิธา’ ประกาศพร้อมเป็นนายก พาไทยไปแข่งขันบนเวทีโลก โชว์วิสัยทัศน์สร้างอุตสาหกรรมไฮเทคผ่านการแก้ปัญหาน้ำประปา
  • เปิด 23 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพ: ผู้แทนฯ แบบก้าวไกลคือคนที่เชื่อในความเปลี่ยนแปลง
  • ‘ชัยธวัช’ เลขาธิการพรรคก้าวไกล ปลุกคนไทยอย่าสิ้นหวัง ความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเดินหน้าความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยก้าวหน้าขึ้น

9 ก.ย.2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (9 ก.ย.)ช่วงบ่าย ที่ลานราษฎร ชั้น 7 อาคารอนาคตใหม่นั้น พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมงาน #ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า เปิดแคมเปญเลือกตั้งใหญ่พรรคก้าวไกล พร้อมการปฏิรูปพรรค เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง 2566 ฟังวิสัยทัศน์ สร้างประเทศไทยที่ก้าวหน้าจาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล พร้อมกับการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. กทม. ที่รับรองได้ว่ามี

‘พิธา’ ประกาศพร้อมเป็นนายก พาไทยไปแข่งขันบนเวทีโลก โชว์วิสัยทัศน์สร้างอุตสาหกรรมไฮเทคผ่านการแก้ปัญหาน้ำประปา

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เริ่มต้นเปิดงานด้วยการแสดงวิสัยทัศน์การบริหารประเทศแบบก้าวไกลด้วยการหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นและชวนให้ผู้ฟังมองปัญหาระดับประเทศที่ซ่อนอยู่ในน้ำดื่มขวดนี้

“ทุกครั้งที่เรายกน้ำขึ้นมาดื่ม ทุกท่านเชื่อมั้ยครับว่า มันมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังที่สะท้อนความล้มเหลวและความไร้ประสิทธิภาพของรัฐไทย ความล้มเหลวของรัฐไทยในการให้บริการน้ำประปาที่สะอาดดื่มได้ทำให้คนไทยต้องแบกรับภาระค่าน้ำดื่มสูงขึ้นถึง 1,000 เท่า ทั้งๆ ที่ประเทศไทยที่มีทรัพยากรน้ำมหาศาล” พิธากล่าว

พิธากล่าวต่อว่า การประปาอาจจะบอกว่าตรวจคุณภาพน้ำในกรุงเทพฯ 2,000 จุดแล้วดื่มได้ แต่น้ำประปาผ่านตามท่อถึงบ้านเรา ไขก๊อกออกมาดื่มไม่ได้ ในกรุงเทพฯ บางพื้นที่ยังใสแต่ในต่างจังหวัด แต่ละบ้านต้องมาแข่งกัน ว่าน้ำประปาจะสีอะไร ใช้ซักผ้าไม่ได้ ใช้ล้างจานไม่ได้ ใช้อาบน้ำไม่ได้ ในประเทศอื่นๆ เขาควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของน้ำประปาโดยใช้ “แรงดันน้ำ” ที่ปลายท่อครับ ทำให้แบคทีเรียและความสกปรกในท่อก็จะยิ่งเข้ามาปนอยู่ในน้ำประปาได้ยาก

ในต่างประเทศตั้งค่าแรงดันน้ำขั้นต่ำที่ปลายทางเอาไว้สูง เปิดในแนวตั้งต้องพุ่งสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ที่อเมริกาคือถ้าต่ำกว่า 14 เมตร ให้ต้มน้ำดื่ม ถ้าต่ำกว่า 3.5 เมตรเขาให้ล้างน้ำประปาคงค้างให้หมดแล้วนำน้ำไปตรวจแบคทีเรีย แต่สำหรับประเทศไทยเราไม่ได้กำหนดแรงดันน้ำปลายทางแรงดันในท่อหลักอยู่ที่ 6 เมตร มาถึงบ้านปลายทางไม่ได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้ ทำให้เหลือแรงดันแค่ 2 เมตรเท่านั้น นี่คือสาเหตุที่ทำไมน้ำประปาถึงดื่มไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองถึงได้เกิดอุตสาหกรรมน้ำขวดขึ้นมา มูลค่า 5 หมื่นกว่าล้านบาท จากน้ำประปาที่ราคา 1,000 ลิตร ราคา 10 บาท เราถึงได้ต้องดื่มเป็นน้ำขวดที่ราคา 1 ลิตร 10 บาท หรือแพงขึ้น 1,000 เท่า

สาเหตุที่รัฐไทยให้แรงดันน้ำกับประชาชนไม่ได้ นั่นเพราะเราจะสูญเสียน้ำไปตามท่อจากท่อระบายน้ำรั่วประมาณ 30% ถ้ายิ่งเปิดแรงดันน้ำแรงน้ำก็จะยิ่งรั่วมาก ถ้าเปิดน้ำอ่อยๆ น้ำก็จะรั่วน้อยลง แต่การที่ภาครัฐเปิดน้ำให้ประชาชนอ่อยๆ เพราะกลัวน้ำรั่วเป็นปัญหาที่สะท้อนน้ำคิดในการแก้ไขปัญหาแบบระยะสั้น ลูบหน้าปะจมูก แบบไทยๆ ผลักภาระน้ำที่ไม่สะอาด กับค่าถังพักน้ำ ค่าปั๊มน้ำ ให้ประชาชน ในขณะเดียวกันพอน้ำรั่วน้อย แต่เป็นการรั่วซึม เราก็จะไม่เห็นว่าน้ำรั่วที่จุดไหน เราก็จะไม่สามารถไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้

ประเทศไทยมีปัญหาที่หมักหมม และแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูกอยู่แบบนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำแล้ง-น้ำท่วมที่แก้กันแบบ “น้ำแล้งขนน้ำไปหาคน น้ำท่วมขนคนหนี” เรื่องเกษตรที่อุ้มราคาเฉพาะหน้าอย่างเดียวแต่แทบไม่มีการยกระดับเกษตรกร เรื่องงบประมาณที่ซุกหนี้และภาระผูกพันไว้มากมายเป็นระเบิดเวลาในอนาคต ฯลฯ ถ้าเรื่องที่พื้นฐานมากๆ อย่างแรงดันน้ำ ประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้เพื่อให้น้ำสะอาด เราไม่มีวันที่จะสามารถทำเรื่องยากๆ เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในระดับโลกได้

อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากก็คือชิพคอมพิวเตอร์ โรงงานผลิตชิพคอมพิวเตอร์โรงงานหนึ่งอาจใช้น้ำได้สูงถึง 10,000 ลบ.ม. ต่อปี นอกจากนี้การมีปริมาณน้ำที่มากอย่างเดียวไม่เพียงพอครับ ต้องใช้น้ำที่บริสุทธิ์มากด้วยเพื่อมาใช้ล้างชิพด้วย ชิพคอมพิวเตอร์สมัยนี้เล็กมากระดับนาโนเมตร ชิพเล็กที่สุดตอนนี้ 2 นาโนเมตรเล็กยิ่งกว่าเกลียวดีเอ็นเอ เพราะฉะนั้นน้ำที่จะมาใช้ล้างชิพระดับนาโนเมตรได้ก็ต้องเป็นน้ำที่บริสุทธ์มากระดับ Ultrapure Water ที่ไม่มีอนุภาคอะไรเหลือเลย

แต่เมื่อมองย้อนกลับมาดูความพร้อมของประเทศไทย อย่างเรื่องน้ำที่การประปายังเปิดน้ำให้แรงดันสูงเท่ากับต่างประเทศไม่ได้ มันทำให้เราเสียโอกาสมากไปถึงการสร้างอุตสาหกรรมอนาคตอย่างการสร้างชิพคอมพิวเตอร์ในช่วงเวลาที่ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์มันทำให้ทั้งโลกต้องมาแข่งขันกันดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมขั้นสูง

การที่คณะก้าวหน้าทำน้ำประปาดื่มได้ให้ประชาชน ไม่ได้ตั้งใจเฉพาะทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายจะสร้างระบบน้ำประปาที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ใช้ระบบ IoT, Smart Meter, Smart Pressure Gauge, มีเซ็นเซอร์ มีระบบประมวลผลขึ้นจอวัดค่าความขุ่น ความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำได้ วัดระดับความดันน้ำในแต่ละจุดของ water grid กลับมาแสดงผลบนหน้าจอได้

“ระบบเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นไม่ได้แค่ทำให้บริการประชาชนได้ดีขึ้น แต่เป็นการสร้างซัพพลายเชน สร้างห่วงโซ่มูลค่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ในวันที่ระบบน้ำประปาทั่วประเทศใช้ระบบ IoT ใช้ Smart Meter ใช้ Smart Pressure Gauge ในวันนั้นก็จะเกิดห่วงโซ่อุปกรณ์การผลิตเซ็นเซอร์ IoT ต่างๆ ที่เป็นปลายน้ำของการทำชิพ และเกิดอุตสาหกรรมภาคบริการ วิศวกรผู้ติดตั้งระบบ System Integrator, System Analyst, Solution Provider, ขึ้นมาเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพมูลค่าสูงขึ้นจำนวนมาก”

“ในการเลือกตั้งปี 66 จะเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเราครับ ว่าประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่? จะได้แค่เปลี่ยนรัฐบาล? หรือจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งประเทศ? ถ้าพี่น้องประชาชนเชื่อว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงทั้งประเทศ ประเทศไทยถึงเดินหน้าต่อไปได้ เลือกตั้งครั้งต่อไปเลือกเลือกก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้า แล้วประเทศไทยจะเปลี่ยนไป ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

 

เปิด 23 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพ: ผู้แทนฯ แบบก้าวไกลคือคนที่เชื่อในความเปลี่ยนแปลง

ในงานเปิดแคมเปญเลือกตั้งพรรคก้าวไกล “ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า” ช่วงสุดท้าย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. กทม. พรรคก้าวไกล เขตบางขุนเทียน และธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เขตลาดพร้าว วังทองหลาง ได้พูดถึงการทำงานของส.ส.เขตแบบก้าวไกล และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. 23 เขตของพรรคก้าวไกล

ณัฐชา กล่าวว่าวันนี้ก่อนวันที่ 24 มีนาคม 2562 คนยังไม่รู้จักผม แต่ในวันนี้หลายคนคงคุ้นกับคำว่า “ณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล เขตบางขุนเทียน” ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา 4 ครั้ง นำเสนองบประมาณและนำเสนอปัญหาความต้องการของชาวบางขุนเทียนเข้าสู่สภา

“ผลงานที่ผมภาคภูมิใจที่สุด คือหลังเข้ารับตำแหน่ง 1 อาทิตย์ ผมได้เข้าไปพบผู้ว่าการเคหะฯ ผลักดันเรียกร้องให้มีการโอนห้องเอื้ออาทรได้สำเร็จ ผมได้เปิดโปงรอยแตกในบ้านเอื้ออาทรของประชาชนเชื่อมโยงไปถึงมหกรรมการทุจริตขนานใหญ่ในระดับชาติ นี่คือสิ่งที่เกิดจากเสียงของประชาชนที่เลือก ผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ”

“ส.ส. เขตแบบผมไม่ได้มีแค่ณัฐชาคนเดียว ยังมีอีก 399 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศไทย และ 33 เขตเลือกตั้งในกรุงเทพฯ วันนี้ก้าวไกลเปลี่ยนสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นต่อไปคือการเปลี่ยนรัฐบาล” ณัฐชากล่าว

ธนเดชได้กล่าวถึงประสบการณ์ชีวิตในราชการทหารของตัวเองว่า ตลอดการศึกษาใน ร.ร.ทหาร และการรับราชการทหาร ตนได้พบเจอหลายสิ่งหลายอย่าง ผมเห็นการทุจริตคอรัปชั่น ผมเห็นระบบอุปถัมที่กัดเซาะและกัดกิน ผมเห็นรุ่นพี่ลุ่มหลงในอำนาจ ยุ่มย่ามกับงานการเมือง ยึดอำนาจพาประเทศถอยหลัง ผมเห็นสิ่งเหล่านี้มาตลอด ผมตั้งคำถามกับตัวเองและเพื่อนร่วมสายอาชีพ ว่าแท้จริงแล้ว คำปฏิญาณตนที่พวกเราท่องกันเช้าเย็น ว่าจะรักชาติเหนือสิ่งอื่นใด จะปกป้องประชาชน จะเป็นรั่วของชาติ จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ แต่สิ่งที่พบเห็นมันกลับสวนทางกัน ตนตัดสินใจสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่วันแรกที่มีการเปิดรับสมัคร ตนตัดสินใจเดินหน้าต่อกับพรรคอนาคคตใหม่ จนมาถึง ก้าวไกล  และผมไม่ได้เดินคนเดียว แต่เดินไปพร้อมๆกับผู้คนที่มีความเชื่อว่าประเทศดีกว่านี้เป็นไปได้ เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเกินขึ้นได้จริง

นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. 23 เขตพรรคก้าวไกล ที่แม้มีที่มาและภูมิหลังที่หลากหลาย แต่มี DNA ที่เหมือนกันคือต้องการเปลี่ยนประเทศนี้ให้ก้าวหน้า เชื่อในความเปลี่ยนแปลง และยึดหลักการมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว โดยรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตกทม. พรรคก้าวไกล ได้แก่
1. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร** เขตธนบุรี คลองสาน บางกอกใหญ่
2. ปวิตรา จิตตกิจ เขตภาษีเจริญ
3. สิริน สงวนสิน เขตทวีวัฒนา 
4. พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ เขตบางพลัด บางกอกน้อย
5. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์** เขตบางขุนเทียน
6. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขตจอมทอง
7. ธัญธร ธนินวัฒนาธร เขตบางแค
8. ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ เขตสัมพันธวงศ์ ป้อมปราบฯ ดุสิต
9. ธิษะณา ชุณหะวัณ เขตสาทร บางรัก ปทุมวัน
10. ภูริวรรธก์ ใจสำราญ เขตบางเขน
11. จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ เขตยานนาวา บางคอแหลม
12. ภัณฑิล น่วมเจิม เขตคลองเตย วัฒนา
13. คริส โปตระนันทน์ เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี
14. เฉลิมชัย กุลาเลิศ เขตห้วยขวาง
15. เอกราช อุดมอำนวย เขตดอนเมือง
16. ธนเดช เพ็งสุข เขตลาดพร้าว วังทองหลาง
17. ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ เขตสายไหม
18. ฉัตรชัย เลี้ยงมงคล เขตหนองจอก
19. ปิยรัฐ จงเทพ เขตบางนา พระโขนง
20. ชุมพล หลักคำ เขตลาดกระบัง
21. ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์  เขตสะพานสูง ประเวศ
22. สุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ  เขตสวนหลวง ประเวศ
23. พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ เขตคลองสามวา

เลขาฯ ปลุกคนไทยอย่าสิ้นหวัง ความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเดินหน้าความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยก้าวหน้าขึ้น

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล โดยประกาศยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลว่าไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่ต้องเป็นการเปลี่ยนประเทศให้ก้าวหน้า อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

ชัยธวัช กล่าวว่าประเทศไทยถอยไปไกลกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว 8 ปีภายใต้ระบอบประยุทธ์ ประเทศของเรา ถอยหลังจนไปอยู่ปากเหว ในทุกด้าน การเมืองตกต่ำ ประชาชนตกยาก เศรษฐกิจตกขบวน หลังการรัฐประหาร พวกเขาเคยบอกพวกเราว่า จะขอเวลาอีกไม่นาน จะเข้ามายุติความขัดแย้งในสังคม จะเข้ามาปราบนักการเมืองโกง จะขอปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริง พวกเขากลับสร้างระบอบการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ สถาปนาอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน

“พวกเขาใช้คุก-ศาล-ทหาร-ตำรวจ ทุบทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน คนหนุ่มสาวและประชาชนนับร้อยนับพัน ถูกจับกุมคุมขัง ด้วยข้อหาความมั่นคงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

“แต่พี่น้องที่รักทุกท่านครับ พวกเราอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะเราปล่อยให้ประเทศไทย ถอยหลังไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว และความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกิดขึ้นได้  ถ้าพวกเราช่วยกันเพิ่มความเปลี่ยนแปลงให้มากขึ้น คนละไม้คนละมือ” ชัยธวัชกล่าว

ในส่วนของการเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น ชัยธวัช กล่าวว่าการเลือกตั้ง 2566 ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่ต้องเปลี่ยนประเทศ พี่น้องที่รักทุกท่าน พวกเราอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะความเปลี่ยนแปลง ความก้าวหน้า ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ประชาชนและคนหนุ่มสาว ตื่นตัวขึ้นครั้งใหญ่ เสียงร้องเรียกถึงอนาคตที่ก้าวหน้า ดังขึ้นทุกหย่อมหญ้า
การเมืองแบบใหม่ นักการเมืองแบบใหม่ ความคิดทางการเมืองแบบใหม่ กำลังเติบโตขึ้น สิ่งใหม่ กำลังเข้ามาแทนที่สิ่งเก่า”

“เราสามารถทำให้สภาผู้แทนราษฎรยกระดับการทำงานเพื่อประชาชนได้ เราสามารถทำให้สภาผู้แทนราษฎรขยับเพดาน กลายเป็นพื้นที่ที่สะท้อนอำนาจสูงสุดของประชาชนได้ เราเริ่มผลักดันกฎหมายที่สร้างความเสมอภาคเท่าเทียมให้แก่ประชาชนได้ เริ่มผลักดันกฎหมายที่ทลายทุนผูกขาด เปิดโอกาสให้ปากท้องของประชาชนได้ ความเปลี่ยนแปลง ความก้าวหน้าเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่มันยังไม่มากพอ” เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว พร้อมระบุว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจึงมีความหมายมากกว่าการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ไม่ใช่การเลือกตั้ง เพียงเพื่อเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแต่การเลือกตั้งปี 2566 คือการเลือกตั้ง เพื่อเพิ่มความเปลี่ยนแปลง ให้กับประเทศของเรา

การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ก้าวหน้า เปลี่ยนไทยให้เป็นประเทศ ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เปลี่ยนระบบการเมือง ระบบกฎหมาย ระบบราชการให้รับใช้ประชาชน จะเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ แทนรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ต้องไม่มีใครอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ อยู่เหนือกฎหมาย กองทัพต้องอยู่ภายใต้พลเรือน

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องปลดล็อคท้องถิ่นยุติระบบราชการรวมศูนย์ จะต้องเป็นการเปลี่ยนเศรษฐกิจและปากท้องของพี่น้องประชาชนให้ก้าวหน้าแบ่งปันดอกผลของความเจริญอย่างเป็นธรรม จะต้องเป็นการเปลี่ยนระบบการศึกษาจากระบบการศึกษาที่ทำให้เราโง่และเชื่อง ให้กลายเป็นระบบการศึกษาที่ทำให้เรามีความฝันเติบโตไปพร้อมกับโลกยุคใหม่ จะต้องเป็นการเปลี่ยนระบบสวัสดิการให้ถ้วนหน้า พอกันทีกับการพิสูจน์ความจนเพื่อรอคิวรับความเมตตาจากใคร จะต้องเป็นการเปลี่ยนประเทศไม่มีใครต้องติดคุก หรือต้องลี้ภัยออกนอกประเทศอีก เพียงเพราะฝันถึงประเทศชาติที่มีอนาคตของพวกเราทุกคน

“การเลือกตั้งจะกลายเป็นการเปลี่ยนประเทศได้ ก็ด้วยพลังของพวกเราทุกคน เปลี่ยนได้ด้วยการเมืองที่เห็นหัวประชาชน เปลี่ยนได้ ด้วยการเมืองที่กล้าหาญ มีเจตจำนงแน่วแน่ เปลี่ยนได้ ด้วยการเมืองที่ไม่วนกลับไปสู่วังวนแบบเดิม ประเทศไทยของเรา ถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว มีแต่ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้าหนึ่งเสียงของทุกคน จะเป็นหนึ่งเสียง ที่เพิ่มความเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคต อย่ารอการเปลี่ยนแปลง แต่จงเป็นส่วนหนึ่งของมัน” ชัยธวัช กล่าวทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net