Skip to main content
sharethis

ศาลปกครองมีคำสั่ง 'รับฟ้อง' กรณีสภาองค์กรของผู้บริโภค ฟ้องศาลเพิกถอนมติเสียงข้างมาก กสทช. "รับทราบ" การควบรวมทรู-ดีแทค ด้านกรณีขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลรอให้ทรู-ดีแทค เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดก่อน ถึงจะเริ่มพิจารณา

 

15 พ.ย. 2565 เว็บไซต์ สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ สอบ. รายงานวานนี้ (14 พ.ย.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำฟ้อง หลังจากเมื่อ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ สอบ. ยื่นคำฟ้องให้ศาลเพิกถอนมติ กสทช. "รับทราบ" การรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค พร้อมนำรายชื่อผู้บริโภคจำนวน 2,022 ราย ที่ร่วมรณรงค์คัดค้านและสนับสนุนการฟ้องคดีดังกล่าวยื่นต่อศาลปกครองด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่ผู้บริโภคได้ยื่นคำขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลได้รับคำขอดังกล่าวไว้ โดยต้องรอให้ทรู และดีแทค เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าวก่อนจึงจะเริ่มพิจารณา เนื่องจากมองว่าทั้ง 2 บริษัทเป็นบุคคลภายนอกที่อาจได้รับผลกระทบจากการพิพากษาคดี ดังนั้น จำเป็นต้องให้ทั้ง 2 บริษัท ได้มีโอกาสชี้แจงโต้แย้งข้อเท็จจริงต่อศาล จึงมีคำสั่งเรียกทรูและดีแทคเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดด้วย

ทั้งนี้ สาเหตุที่สภาองค์กรของผู้บริโภค ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนมติดังกล่าวนั้น เนื่องจากมติของ กสทช. ในการประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งในด้านเนื้อหาและกระบวนการ

เนื่องจากเพราะก่อนมีการลงมติฯ กสทช.ไม่ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ใช้บริการก่อนกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะ ทั้งที่มติดังกล่าวกระทบกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีจำนวนมากกว่า 118 ล้านเลขหมายเฉพาะผู้ใช้บริการของทรูและดีแทคที่มีจำนวนสูงถึง 60 ล้านเลขหมาย คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมด และก่อนการลงมติคณะกรรมการ กสทช. ยังไม่ได้ดำเนินการรับฟังรายงานฉบับสมบูรณ์ของที่ปรึกษาต่างประเทศที่ทางสำนักงานฯ ได้ว่าจ้าง

อีกทั้ง ในการลงมติฯ ประธานได้ออกเสียงชี้ขาดขัดต่อระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2555

ส่วนเนื้อหาของมติดังกล่าวก็มิชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน โดยขัดต่อข้อ 9 ของประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจ ในกิจการโทรคมนาคม และให้พิจารณาดำเนินการตามประกาศฉบับปี 2561 ประกอบข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ที่ระบุถึงอำนาจของคณะกรรมการ กสทช. ไว้อย่างชัดแจ้ง โดยในการลงมติจะต้องเป็นการอนุญาต หรือไม่อนุญาตเท่านั้น
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net