ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคยุโรปชี้คัดกรองหาเชื้อโควิด-19 กับนักท่องเที่ยวจีนไร้เหตุผล 'เพื่อไทย' จี้ รบ.เร่งวางมาตราการป้องกัน

ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคยุโรป (ECDC)  ระบุว่าการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มนักเดินทางที่มาจากจีนเป็นเรื่องไร้เหตุผล เพราะสถานการณ์ในจีนเกิดจากการที่จีนมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 ในระดับต่ำ และมีการผ่อนคลายมาตรการ แต่ระดับภูมิคุ้มกันในสหภาพยุโรปที่สูงกว่า ทำให้คาดว่าการแพร่ระบาดรุนแรงในจีนจะไม่กระทบต่อยุโรป แม้ว่าผู้นำอิตาลีจะร้องขอให้ยุโรปชาติอื่น ๆ ใช้มาตรการคัดกรองแบบเดียวกับอิตาลีก็ตาม ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าหลายประเทศคุมเข้มมาตรการจีนเดินทางเข้าประเทศ - 'เพื่อไทย' จี้ รบ.เร่งวางมาตราการป้องกันโควิดควบคู่ไปกับการพลิกวิกฤต-ฟื้นท่องเที่ยวไทยหลังจีนเปิดประเทศ 

30 ธ.ค. 2565 Thai PBS อ้างรายงานข่าวต่างประเทศรายงานว่าสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ระบุว่าอิตาลีคาดหวังให้สหภาพยุโรป ดำเนินมาตรการบังคับตรวจหาเชื้อโควิด-19 นักเดินทางทุกคนที่มาจากจีน และกักตัวหากจำเป็น ซึ่งเป็นมาตรการคุมเข้มที่อิตาลีเริ่มบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ และมาตรการนี้จะไม่มีประสิทธิภาพ หากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปชาติอื่น ๆ ไม่ปฏิบัติตาม

แม้ว่าจะมีกระแสเรียกร้องจากผู้นำอิตาลี แต่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคยุโรป (European Centre for Disease Control: ECDC) ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับยุโรป และการใช้มาตรการคัดกรองดังกล่าวไร้เหตุผล เนื่องจากสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในจีนในขณะนี้ เป็นสายพันธุ์เดียวกับที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในยุโรป

นอกจากนี้ สถานการณ์ในจีนเกิดจากการที่จีนมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 ในระดับต่ำ และมีการผ่อนคลายมาตรการ แต่ระดับภูมิคุ้มกันในสหภาพยุโรปที่สูงกว่า ทำให้คาดว่าการแพร่ระบาดรุนแรงในจีนจะไม่กระทบต่อยุโรป และโอกาสในการแพร่ระบาดของเชื้อนำเข้าอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับการแพร่ระบาดในยุโรปขณะนี้

หลายประเทศคุมเข้มมาตรการจีนเดินทางเข้าประเทศ

ก่อนหน้านี้ Thai PBS รายงานว่าการประกาศยกเลิกการกักตัวขาเข้าประเทศของจีน เป็นกระแสไปทั่วโลก มีหลายประเทศต่างออกมาขานรับด้วยการออกมาตรการใหม่ เข้มงวดการเดินทางเข้าประเทศจากจีนมากขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ ทยอยออกมาประกาศบังคับตรวจเชื้อผู้เดินทางจากจีนแล้ว

เรียกได้ว่าสร้างความกังวลสำหรับหลายที่ อย่างผู้เชี่ยวชาญในอินเดียเองต้องออกมาเตือนประชาชนว่ายังไม่จำเป็นจะต้องวิตกในตอนนี้ ด้านสหรัฐฯ นอกจากยกระดับมาตรการตามหลังหลายประเทศมาติดๆ ยังให้เหตุผลด้วยว่า เพราะความไม่โปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลการระบาดของจีนเป็นปัจจัยสำคัญ

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2565 สำนักข่าว CNN รายงานว่า สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศบังคับตรวจหาเชื้อผู้เดินทางจากจีน หลังจีนจะเปิดให้ผู้คนเดินทางอย่างอิสระมากขึ้นได้ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป ท่ามกลางการแพร่ระบาดที่รุนแรงในประเทศ

ทางการสหรัฐฯ จะเริ่มบังคับใช้มาตรการใหม่ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 5 ม.ค.2566 โดยผู้ที่เดินทางจากจีน ฮ่องกง มาเก๊า เข้าสหรัฐฯ จะต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ ที่ตรวจก่อนเดินทางไม่เกิน 2 วัน และมาตรการนี้บังคับใช้กับผู้ที่เดินทางจากต้นทางดังกล่าว ผ่านประเทศที่ 3 ด้วย

หากผู้เดินทางติดเชื้อและมีผลบวกก่อนเดินทางนานกว่า 10 วัน สามารถแสดงเอกสารยืนยันการหายจากอาการป่วยแทนผลตรวจเป็นลบเพื่อเข้าสหรัฐฯ ได้

กฎนี้บังคับใช้กับคนทุกสัญชาติ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนมาแล้วกี่เข็ม รวมถึงผู้เดินทางที่แวะพักในสหรัฐฯ เป็นทางผ่านในยังประเทศที่สาม

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC เปิดเผยว่า การประกาศใช้แนวทางใหม่นี้ เนื่องจากจีนไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดหรือข้อมูลการตรวจวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมอย่างโปร่งใสหรือมากเพียงพอ

และสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในจีน ทำให้ความเสี่ยงจะเกิดเชื้อกลายพันธุ์เพิ่มสูงขึ้น และจะทำให้หน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐฯ ติดตามเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเข้ามาในประเทศได้ยากขึ้น

อิตาลี ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการระบาดมาก่อน ประกาศตรวจเชื้อผู้เดินทางจากจีนทั้งหมด เพื่อปกป้องประชาชนของตัวเอง และจะตรวจวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมเชื้อร่วมด้วย รวมถึงผู้เดินทางจากจีนที่ผ่านอิตาลีเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม โดยมีรายงานว่าเที่ยวบินเข้ามิลานเริ่มตรวจเชื้อผู้โดยสารจากจีนแล้ว

ด้าน มาเลเซีย ก็ประกาศยกระดับการติดตามตรวจสอบผู้เดินทางจากจีน 

ขณะที่ ไต้หวัน สั่งตรวจหาเชื้อผู้เดินทางจากจีน ทั้งทางเครื่องบินและเรือ ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.2566 ถ้าพบผลบวกให้กักตัวที่บ้านได้

ส่วนที่ ฮ่องกง ตั้งแต่วันนี้ (29 ธ.ค.2565) เป็นต้นไป จะยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยผู้ที่เดินทางเข้าฮ่องกงจะไม่ต้องตรวจหาเชื้อแบบ PCR อีกต่อไป รวมทั้งยกเลิกกฎเว้นระยะห่าง ที่ห้ามการรวมตัวกันเกิน 12 คน และจะเลิกใช้บัตรวัคซีนในฮ่องกงด้วย

โดยผู้บริหารเกาะฮ่องกงระบุว่า ตั้งเป้าจะเปิดการเดินทางระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ วันที่ 15 ม.ค.2566 นี้ ทางการฮ่องกงให้เหตุผลว่า ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้น เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนสูงพอที่จะรับมือโรคได้แล้ว และมียามากพอรับมือการระบาด รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์มีประสบการณ์โชกโชน แต่ยังยกเว้นเรื่องการสวมหน้ากากที่จะยังบังคับใช้ต่อ

ด้าน อินเดีย ที่เคยเผชิญการระบาดรุนแรง สำนักข่าว BBC รายงานว่า เกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับการระบาดในจีน จนผู้เชี่ยวชาญต้องออกมาเตือนว่า การระบาดระลอกนี้ในจีน ยากที่จะส่งผลกระทบต่ออินเดียโดยตรง

เป็นเรื่องปกติที่ประชากรซึ่งไม่เคยสัมผัสเชื้อมาก่อนจะติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ปัจจัยต่างๆ ยังเป็นเหมือนเดิมสำหรับทั่วโลก แต่ยังขอให้ประชาชนระมัดระวังและสวมหน้ากาก รวมถึงติดตามข่าวสาร 

'เพื่อไทย' จี้ รบ.เร่งวางมาตราการป้องกันโควิดควบคู่ไปกับการพลิกวิกฤต-ฟื้นท่องเที่ยวไทยหลังจีนเปิดประเทศ 

ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย แจ้งข่าวว่า น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า หลังจากที่ประเทศจีนผ่อนคลายมาตรการโดยอนุญาตให้คนจีนเดินเที่ยวต่างประเทศได้ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยตื่นตัวกับข่าวนี้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนมากที่สุดคือ คนจีน ประมาณ 10 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ให้กับไทยมากถึง 5.80 แสนล้านบาท หากปี 2566 เราสามารถต้อนรับคนจีน ได้ประมาณ 5 ล้านคนเป็นอย่างน้อย คาดว่าน่าจะสร้างรายได้ได้กว่า 3 แสนล้านบาท และสามาาถดึงแรงงานภาคการท่องเที่ยวที่มีกว่า 4.4 ล้านคนในช่วงก่อนโควิดกลับมาทำงานได้

น.ส.ชนก กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับความวิตกกังวลของพี่น้องประชาชนจากยอดผู้ติดเชื้อโควิดในจีนนั้น โดยธรรมชาติของคนจีนที่มีทัศนคติเรื่องสุขภาพที่ดีมานับพันปีล้วนจะต้องระวังการแพร่ระบาดต่อกันโดยธรรมชาติ หน้าที่ของรัฐบาลไทยโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีหน้าที่ทำวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส เปลี่ยนความตระหนกให้เกิดเป็นความมั่นใจ เร่งวางมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ไปควบคู่กับการทำให้ประเทศไทยกลับมามีรายได้จากการท่องเที่ยวอีกครั้ง ให้เหมือนหรือเทียบเท่ากับในอดีต

“พรรคเพื่อไทยเราให้ความสำคัญกับสุขภาพของพี่น้องประชาชน ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญเรื่องการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจที่กระทบถึงปากท้องของพี่น้องประชาชน เราไม่ละเลยกับปัญหา และข้อกังวลของพี่น้องประชาชน แต่ก็มองเห็นโอกาสจากทุกมิติ ดิฉันเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยของเราสามารถสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนได้ และเราจะสร้างประเทศไทยให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของโลก สร้างงาน สร้างรายได้ และเทศกาลต่างๆ ในไทย เช่น ‘สงกรานต์’ หรือ ‘ลอยกระทง’ จะต้องถูกนักท่องเที่ยวต่างชาติปักหมุดไว้ในปฏิทินของตน ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้หากประยุทธ์ทำไม่ได้ก็ยุบสภา หรือลาออกไป แล้วเพื่อไทยจะเข้ามาทำให้ดู” น.ส.ชนก กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท