Skip to main content
sharethis

‘โรม’ สวน ‘พีระพันธุ์’ ถ้ามีหลักฐานชี้แจงปม ‘ส.ว.ทรงเอ’ ก็เปิดเลย ไม่ใช่มาขู่ดำเนินคดี ยืนยัน ประยุทธ์ - รทสช. ควรตอบสังคม รู้ข้อครหา ‘อุปกิต’ มาก่อนหรือไม่


รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (แฟ้มภาพ)

ทีมสื่อพรรคก้าวไกล แจ้งว่าเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2566 รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สืบเนื่องจากประเด็น ‘ส.ว.ทรงเอ’ หรือ อุปกิต ปาจรียางกูร ที่รังสิมันต์อภิปรายในสภาฯ ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งเช่าที่ดินของ ส.ว. คนดังกล่าวเป็นที่ทำการพรรค ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำของอุปกิต พร้อมทั้งมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคพิจารณาว่าจะยื่นฟ้องร้องที่รังสิมันต์พูดพาดพิงถึงพรรคอย่างต่อเนื่องต่อไปหรือไม่

รังสิมันต์กล่าวว่า การที่ตนพูดพาดพิงถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะการอภิปรายทั่วไปต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันเปิดตัวในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเพิ่งสมัครสมาชิกพรรคได้ไม่นานและไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆ ในพรรค แต่ในทางการเมืองเป็นที่รู้กันอย่างดีว่าพรรครวมไทยสร้างชาติก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นฐานสำหรับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป และ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีความใกล้ชิดกับผู้บริหารพรรคหลายคน เช่นกับพีระพันธุ์ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 จนยกระดับมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าสำนักงานพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งอยู่บนที่ดินของอุปกิต ตนในฐานะ ส.ส. จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ ใช้เอกสิทธิ์ตั้งคำถามในสภาฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังร่วมมือกับบุคคลที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ ควรสืบรู้ได้ว่ามีข้อครหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน หรือไม่

รังสิมันต์กล่าวว่า ส่วนที่พีระพันธุ์ระบุว่าการไปเช่าทรัพย์สินนั้นเป็นเรื่องปกติทั่วไป ถ้าไปเช่าทรัพย์สินใครแล้วเจ้าของมีความผิดและคนเช่าผิดไปด้วยก็คงไม่มีการเช่าทรัพย์สินเกิดขึ้นในประเทศ ตนเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงเป็นการตกลงกันระหว่างฝ่ายหนึ่งคือพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนนายกรัฐมนตรี กับอีกฝ่ายคือผู้มีข้อครหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน พรรครวมไทยสร้างชาติสมควรชี้แจงให้กระจ่าง ซึ่งตนก็ไม่เคยขัดขวาง เช่นเรื่องสัญญาเช่าที่ดินและอาคารมาเป็นที่ทำการพรรค ที่อ้างว่าทำกันปีต่อปี ถ้ามีอยู่จริงก็สามารถนำมาแสดงให้ดูได้ตั้งแต่วันถัดจากที่ตนอภิปรายด้วยซ้ำ แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนจะยังไม่เคยมีการเปิดเผยแต่อย่างใด

โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ที่สำคัญกว่านั้น ไม่ว่าจะมีการเช่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ การที่ อุปกิต ที่มีสถานะเป็น ส.ว. ยินยอมให้พรรครวมไทยสร้างชาตินำที่ดินและอาคารของตัวเองไปเป็นสำนักงานพรรค อาจเข้าข่ายการที่ ส.ว. แสดงการฝักใฝ่หรืออยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 113 โดยในส่วนของอุปกิต ตนได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว และในโอกาสนี้ก็อยากถามไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติว่าการที่หัวหน้าพรรคยอมรับเองว่ามีการเช่าที่ดินและอาคารจาก ส.ว. เท่ากับว่าได้ตกลงกันในสิ่งที่รู้อยู่ว่าเป็นการที่ ส.ว. กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างนั้นใช่หรือไม่
รังสิมันต์ยืนยันด้วยว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับพีระพันธุ์ ในอดีตเคยร่วมงานกันด้วยดีในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่พีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนคาดหวังว่าจะได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ มิใช่การขู่ว่าจะดำเนินคดีใส่กัน

‘ก้าวไกล’ ลงพื้นที่สมุทรสงคราม คุยชาวประมง-แนะนำผู้สมัคร ส.ส. ‘พิธา’ ย้ำ ดันกฎหมายประมงต่อทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล

วันที่ 25 ก.พ. 2566 ที่ จ.สมุทรสงคราม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้ผลักดันร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวประมงที่สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาเกี่ยวกับการประมงและแนวทางแก้ไข หลังจากเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาฯ มีมติผ่านวาระแรกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 ส่งผลให้รัฐสภาชุดหน้าหลังการเลือกตั้ง หากต้องการเดินหน้าเรื่องนี้ สามารถหยิบร่างกฎหมายมาพิจารณาต่อได้ทันที ช่วยให้การแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงทำได้รวดเร็วขึ้น โดยมีชาวประมงในพื้นที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนและเสนอแนะความคิดเห็น พร้อมกันนี้ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม เขต 1 คือ อานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย

พิธา กล่าวว่า เหตุผลที่เดินทางมาจังหวัดสมุทรสงครามและต่อเนื่องไปสมุทรสาคร เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัดนี้ เป็นพื้นที่ที่มีชาวประมงรวมกันมากถึง 10% ของประเทศ ตั้งแต่ พ.ร.ก.การประมงฉบับดังกล่าวออกมาเมื่อปี 2558 ทำให้ภาคการประมงได้รับผลกระทบเป็นห่วงโซ่ ตั้งแต่ชาวประมง ผู้ประกอบการ แม้กระทั่งประชาชนที่ซื้อสินค้าอาหารทะเล วันนี้จึงต้องการมารับฟังปัญหาและผลกระทบต่างๆ ที่ประชาชนได้รับ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและยืนยันจะผลักดันร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวทันทีเมื่อพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเปิดเวทีรับฟังปัญหา ชาวประมงรายหนึ่งกล่าวว่า “หวังว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่เข้าใจความทุกข์ร้อนของพี่น้องชาวประมง เพราะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยด่วน และต้องใช้วิธีการจัดการอย่างยั่งยืน”

หลังจากพบปะและรับฟังปัญหาจากพี่น้องชาวประมง พิธาและคณะเดินทางไปยังวัดเพชรสมุทรวรวิหารและตลาดแม่กลอง มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้ามาขอถ่ายภาพและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้นเดินทางต่อไปยังตลาดสดดอนหอยหลอด เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้เวลาพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น พ่อค้าแม่ค้าที่มีร้านค้าบริเวณดอนหอยหลอดให้การต้อนรับและเข้ามาสอบถามถึงนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ ที่จะปรับเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net