ตัวแทนเครือข่ายราชภักดี ซึ่งเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ แจ้งความ 'พิธา' พรรคก้าวไกล ข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมฯ อ้างให้สัมภาษณ์บีบีซี กระทบสถาบัน ยืนยันไม่ได้แจ้งความเพราะอคติ อยากทำการเมือง หรือเป็นนายกฯ ก็เป็นไป อย่ากระทบสถาบันฯ เป็นพอ

7 มิ.ย. 2566 เพจเฟซบุ๊ก ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน โพสต์ข้อความ ระบุว่า ที่กองบังคับการปราบปราม (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.30 น. ทรงชัย เนียมหอม ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน อร่ามศักดิ์ บุตรจู ผู้ก่อตั้งและแอดมินเพจรู้ทันโลกออนไลน์ แน่งน้อย อัศวกิตติกร ประธานศูนย์พลเมืองดิจิทัล และธนเดช ตุลยลักษณะ สมาชิกกลุ่มอาชีวะราชภักดี เข้าพบ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บัญชาการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบ.ปอท.) ยื่นหนังสือแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(3) ปมให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทย เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2566 มีประเด็นกระทบสถาบันกษัตริย์

โพสต์ระบุต่อว่า เวลาต่อมาจึงมีคำสั่งไปยัง พ.ต.ท.ศุภภัทร สวัสดี รอง ผกก. (สอบสวน) ปอท.กอง 3 เชิญผู้ร้องฯ ไปให้ปากคำเพิ่มเติมยังห้องสอบสวนเพื่อประกอบคำสำนวน และจะประมวลสำนวนเสนอยังคณะกรรมการกลั่นกรองต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

โพสต์ระบุด้วยว่า ทรงชัย กล่าวว่า การเข้าแจ้งความวันนี้ ไม่ได้มาจากอคติต่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อยากทำอะไรก็ทำไป ขอแค่อย่าทำอะไรกระทบสถาบันกษัตริย์เป็นพอ 

"ภายหน้าต่อให้คุณเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีความหมายสำหรับผม ขอให้คุณทำหน้าที่นายกของคุณไปแต่วันไหนที่คุณทำร้าย หรือมีแนวคิดเป็นปรปักษ์ต่อสถาบันหลักของชาติผมยังคงเดินหน้าร้องเรียนคุณตามช่องทางกฎหมายต่อไป" ทรงชัย ทิ้งท้ายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการแจ้งความ 

ทั้งนี้ เมื่อ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา พิธา ให้สัมภาษณ์กับ โจนาธาน เฮ้ด นักข่าวจากบีบีซี ว่าด้วยเรื่องหลังการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงคำถามที่เกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่จะแก้ไขมาตรา 112 ที่เป็นข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ แต่มีกระแสต่อต้าน และ ส.ว.ก็แสดงท่าทีขัดขวาง เหตุใดพรรคจึงไม่ยุติการผลักดันเรื่องนี้

พิธา ตอบคำถามเรื่องนี้ว่าเป็นนโยบายที่พรรคให้สัญญาไว้กับประชาชนและจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนก็ยังลงคะแนนให้กับพรรคก้าวไกลเป็นจำนวนถึง 14 ล้านเสียง