สปสช. ผนึกความร่วมมือ สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และเครือข่ายองค์กรคนพิการ รุกพัฒนาและขับเคลื่อนสุขภาพคนพิการในระบบบัตรทองฯ เร่งเพิ่มศักยภาพองค์กรคนพิการร่วมเป็น “ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ” และ “หน่วยบริการมาตรา 3 ระบบบัตรทอง”  

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา รศ.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มภารกิจสนับสนุนการมีส่วนร่วมและคุ้มครองสิทธิ สำนักหงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประชุมความร่วมมือการดำเนินงานเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนสุขภาพคนพิการ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ร่วมกับสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และผู้แทนเครือข่ายคนพิการ อาทิ สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) สมาคมผู้บกพร่องทางจิต และมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ณ ห้องประชุม APCD สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 

รศ.ภญ.ยุพดี กล่าวว่า การประชุมฯ ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ได้หารือถึงแนวทางการเข้าถึงบริการในระบบหลักประกันสุขภาพของคนพิการหรือบุคคลที่อยู่ในการดูแล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึงและครอบคลุมให้กับคนพิการ รวมถึงมุ่งสร้างการมีส่วนร่วมโดยเครือข่ายคนพิการ ทั้งด้านการสร้างการรับรู้สิทธิ การเข้าถึงสิทธิ การคุ้มครองสิทธิ การร่วมจัดบริการและการร่วมบริหารจัดการระบบ  

สำหรับการหารือในวันนี้ มีประเด็นที่สำคัญ คือการส่งเสริมให้ศูนย์บริการคนพิการทั่วไปและองค์กรคนพิการทุกประเภทร่วมเป็น “ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ” หรือเป็นเครือข่ายของศูนย์ประสานงานประชาชน เพื่อร่วมกันสื่อสาร สร้างความรู้ความเข้าใจ ด้านการใช้สิทธิประโยชน์สุขภาพและสิทธิในระบบที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ, การสนับสนุนพัฒนาศูนย์บริการคนทั่วไปและศูนย์คนพิการอื่น เพื่อเข้าร่วมเป็น “หน่วยบริการตามมาตรา 3 ตาม พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545” โดยพัฒนาศักยภาพองค์กรคนพิการให้มีความพร้อมเพื่อดำเนินงานด้านการฟื้นฟูฯและการรับรองเป็นหน่วยบริการตามมาตรา 3, การสร้างความร่วมมือองค์กรคนพิการเพื่อให้เข้าถึงกลไกลกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น (กปท.)  โดยเฉพาะกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพระดับจังหวัด และการวางแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณสนับสนุนการองค์กรคนพิการเพื่อให้บริการฟื้นฟูฯ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ที่มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องโดยไม่ซ้ำซ้อนกับงบบริการทางการแพทย์และบริการด้านสังคม 

“การดูแลคนพิการในระบบบัตรทองฯ นั้น ในส่วนของสิทธิประโยชน์ต่างๆ สปสช.ได้ดำเนินการอย่างครอบคลุมแล้ว แต่การเข้าถึงบริการของคนพิการได้นั้น ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเครือข่ายคนพิการ เนื่องจากเป็นผู้ที่เข้าใจและเข้าถึงคนพิการ ช่วยให้การดำเนินงานของ สปสช. ในการดูแลคนพิการบรรลุเป้าหมายได้ ซึ่งขณะนี้มีศูนย์คนพิการที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการมาตรา 3 แล้วจำนวน 8 แห่ง เป็นหน่วยบริการรับส่งต่อด้านการฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ (บริการIL) และบริการรับส่งต่อด้านการฝึกทักษะการรับรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและการเคลื่อนไหว (บริการ O&M) โดยองค์กรคนพิการด้านการมองเห็น)” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว   

รศ.ภญ.ยุพดี กล่าวว่า สำหรับผลการประชุมในวันนี้ นับว่ามีความคืบหน้าไปมาก ทั้ง สปสช. ด้านสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยและผู้แทนเครือข่ายคนพิการ ต่างมีความเห็นจะร่วมกันที่จะดำเนินงานในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มองค์ความรู้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้กับองค์การคนพิการฯ และเครือข่าย โดยเฉพาะใช้กลไกลกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัดที่เป็นกองทุนเพื่อดูแลคนพิการโดยตรงขับเคลื่อน การพัฒนาศักยภาพองค์กรคนพิการเพื่อร่วมเป็นหน่วยบริการมาตรา 3 รวมไปถึงการประสานและพัฒนาการบริการสำหรับคนพิการร่วมกัน โดยในส่วนของ สปสช. จะนำข้อสรุปที่ได้มาขับเคลื่อนจากนี้ต่อไป