สวนดุสิตโพล เปิดเผยการสำรวจความเห็น “เงินอุดหนุนบุตร” กลุ่มตัวอย่าง 1,243 คน ส่วนใหญ่เห็นด้วยควรขยายให้ทุกครอบครัว โดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้ และควรเพิ่มเงินอุดหนุน
![](https://live.staticflickr.com/65535/53776673026_0aba85bf86_o_d.png)
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2567 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรกับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,243 คน (สำรวจทางภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-2 มิ.ย. 2567
จากการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 76.51 ทราบว่า รัฐบาลมีโครงการ “เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด” เดือนละ 600 บาท ให้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมองว่านโยบายนี้ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร ร้อยละ 74.74
ทั้งนี้ร้อยละ 43.20 เห็นว่าเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่เพียงพอควรอุดหนุนประมาณ 1,000-3,000 บาท และเห็นด้วย ร้อยละ 81.01 หากรัฐบาลจะขยายให้ทุกครอบครัวที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี ได้รับเงินอุดหนุนโดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้ เนื่องจากช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรในช่วงวัยเด็กซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง นอกจากนี้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องการเพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อให้เพียงพอต่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ร้อยละ 66.85
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าประชาชนตระหนักถึงโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และมองว่าเป็นโครงการที่ดีในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว จึงควรขยายให้เป็นแบบถ้วนหน้าเพื่อลดกระบวนการที่เป็นภาระ และประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง เพื่อให้กลุ่มครอบครัวที่มีบุตรแรกเกิดได้รับสิทธิอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ครอบครัวมีภาระค่าใช้จ่ายสูง จึงควรจัดสรรเงินอุดหนุนให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายจริง เพราะการลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาประเทศ จึงควรให้ความสำคัญและควรมีระบบติดตามประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การช่วยเหลือตรงเป้าหมาย คุ้มค่า และตรวจสอบได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พัศรินท์ ก่อเลิศวรพงศ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า “โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด” ให้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายนี้จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตรในช่วงวัยนี้ที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
เนื่องจากเด็กในช่วง 6 ปีแรก เป็นวัยแห่งการสร้างรากฐานชีวิตที่ดีและเป็นเวลาที่สำคัญของการเจริญเติบโตเพราะช่วงวัยนี้สมองจะมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ รวมถึงการมีพัฒนาการที่เหมาะสม คือ พัฒนาการด้านร่างกาย, พัฒนาการด้านอารมณ์, พัฒนาการด้านสังคม และพัฒนาการด้านสติปัญญา
ดังนั้นผู้ปกครองจึงให้ความใส่ใจ รวมถึงคาดหวังที่จะดูแลเด็กในช่วงนี้ให้ดีที่สุด โดยความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะขยายให้ทุกครอบครัวที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี ได้รับเงินอุดหนุนโดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้
อันสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเงินอุดหนุน เพื่อการใช้จ่ายที่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูเด็กในการส่งเสริมโภชนาการหรือสุขภาวะด้านต่าง ๆ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กอย่างเหมาะสม ภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจในปัจจุบัน
![สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท](https://img.pct.fyi/uploads/big/50cd36632778858506956587c3cd91f7.png)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)