Skip to main content
sharethis

'พิธา' ไม่กังวลกระแสข่าวแก้รัฐธรรมนูญให้เป็น สส.เขตล้วน 500 คน หวังสกัดพรรคก้าวไกล ลั่น “ไม่ว่าเกมจะเป็นยังไง เราก็ชนะในเกมที่เขาดีไซน์ให้เราแพ้มาโดยตลอด” - ระบุแม้เสี่ยงถูกยุบ แต่ สส.ยังทำงานเต็มที่ ไม่หวั่นไหวจนต้องขายวิญญาณ มั่นใจรากฐานแข็งแรง


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค (แฟ้มภาพ)

23 มิ.ย. 2567 สำนักข่าวไทยรายงานว่า ที่โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ จังหวัดสกลนคร พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ และทีมงานจังหวัด ร่วมประชุมสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อจัดตั้งสาขาพรรคก้าวไกล ประจำจังหวัดสกลนคร โดยมีสมาชิกมาเข้าร่วมรับฟังแนวทางการขับเคลื่อนพรรคอย่างพร้อมเพียง

นายพิธา กล่าวกับสมาชิกพรรคว่า วันนี้ต้องการมาแสดงความขอบคุณพี่น้องชาวสกลนคร ขอบคุณสมาชิกพรรคก้าวไกลที่สกลนคร และร่วมเป็นสักขีพยานในการจัดตั้งสาขาพรรค เพราะตัวเลขสมาชิกพุ่งขึ้นเรื่อยๆจนน่าประทับใจ และมาอัพเดรตสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง

นายพิธา บอกว่า หากพูดในอดีต “ถ้าไม่มีสกลนคร ไม่มีพิธา” เพราะตอนที่พี่น้องชาวกลนครไว้วางใจชาวอนาคตใหม่ในอดีตได้คะแนนมา 80,000 คะแนน ทั้งที่เป็นพรรคใหม่ และในช่วงนั้นตนเองจะต้องอภิปรายในสภา เพราะดูเรื่องเกษตร ก็นั่งรถทัวร์มาหาข้อมูลในพื้นที่จากชาวสกลนคร มาถึงก็ไปดูหนองหาร ไปกินไข่กระทะ และไปดูเรื่องการเกษตร และมีคำถามเกิดขึ้นในวันนั้นว่าชาวนาที่ส่งออกในประเทศไทยจริงๆมีกี่คน โดยเฉพาะการพูดถึงโฉดนดที่ดินของชาวนา และการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ เพราะ 3 ใน 4 ของคนไทยไม่มีที่ดินของตัวเอง และพอทำนาได้ก็ไม่มีเงินเก็บเพราะต้องเอาไปลงทุนค่าปุ๋ยค่ายา

“ที่บอกว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่สมัยก่อนในน้ำมีปลาในนามีหนี้ จนทำให้ชาวนาเขาไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ”

ซึ่งทำให้จากการลงพื้นที่ในครั้งนั้น เกิดเป็นการอภิปรายกระดุม 5 เม็ด ในสภา ทำให้ความเป็นสส.ของตนเองเป็นหนี้บุญคุณชาวสกลนคร อีกทั้งยังได้ความรู้เรื่องของกัญชา เรื่องการใช้แรงงานในอิสราเอล ทำให้ตนเองรู้ว่า หากกลับไปพูดอะไรในสภาต้องมาหาประชาชนก่อน ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า ไม่ได้เป็น สส.ที่น้ำเต็มแก้วเพราะเรียนรู้ตลอดเวลา และนำไปพูดเพราะความเชื่อจริงๆ

นายพิธา ยังกล่าวต่อว่า หากพูดถึงความเป็นปัจจุบันของสกลนคร เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้มา 2 แสนคะแนน และเชื่อว่าหากในอนาคตไม่ปล่อยมือครั้งหน้าจะมากขนาดไหน ถึงจะมีความพยายามในการยุบพรรคของเราอีกครั้ง 2 พรรคใน 5 ปี ก็ไม่เป็นไร พรรคเราเป็นพรรคคนตัวเล็ก สส.ก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหรือต้องขายวิญญานเพื่อให้พรรคอยู่รอดได้ และถึงแม้จะเป็นความเสี่ยงว่าอาจจะยุบหรือไม่ยุบก็ได้ แต่ก็ยังเป็นความเสี่ยงอยู่ แต่สมาชิกของเราในภาพรวมปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นๆ ซึ่งเป็นการให้กำลังใจการทำงานกับพรรคก้าวไกล จึงต้องขอขอบคุณทุกคน

“ในอดีตไม่มีสกลนครไม่มีพิธา และในปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ทำงาน ไมาค้องกังวลว่านโยบายเราตะเปลี่ยนไป ยังคงดูแลพี่น้องแรงงาน พี่น้องเกษตรกร คนตัวเล็กตัวน้อย และเสียงของคนที่ไม่ดังพอต่อไปในสังคมของเรา ก็จะยังคงทำงานต่อไป” นายพิธา กล่าว

ส่วนอนาคตในวันที่ 3 ก.ค.หรือ 9 ก.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมคดียุบพรรค ตนมองว่า วิธีการปลุกใจและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ดีที่สุด คือความซื่อตรงและอธิบายด้วยความเข้าใจ ที่ไม่ได้เป็นการละเมิดศาลหรือเอาความคิดของศาลมาเล่าให้ฟัง โดยในวันที่ 3 ก.ค.จะมีการพิจารณาต่อของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนวันที่ 9 ก.ค. จะมีการตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งก็น่าจะเป็นพยานเอกสารหรือพยานที่อาจจะมีโอกาสได้พูด

“จะมีโอกาสในอนาคต ในการไต่สวน จะมีโอกาสให้ผมได้ขึ้น ว่าความอธิบายถึงเจตนาของพรรคก้าวไกลกรือพยานหลักฐานของพรรคก้าวไกล หรือระเบียบของกกต.ที่ยื่นยุบเราอย่างที่เคยแถลงหรือไม่”

เราก็พยายามสู้เต็มที่ในหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะศาลบอกว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นชี้นำ ตนเองจึงเอาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงมาเล่าให้ฟัง และเรายังคงสู้มาตลอด โดยเฉพาะสกลนครได้มากว่า 2 แสนคะแนน ดังนั้นจึงต้องมีความเป็นธรรมที่สามารถอธิบายเหตุและผลของเราได้ จึงต้องมีมิติการต่อสู้ทางกฎหมาย 9 มิติ และวิธีที่ดีที่สุดคือ การทำให้สังคงทำให้ประชาชนเห็นว่าการมีพรรคก้าวไกลอยู่มีประโยชน์มากกว่าการไม่มีพรรคก้าวไกล

นายพิธา กล่าวอีกว่า แน่นอนว่าก้าวไกลเป็นพรรคใหม่อยู่มา 5 ปีถ้าเทียบกับพรรคอื่นๆ ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่หากดูในเชิงรัฐศาสตร์ การมีอยู่ของพรรคก้าวไกลดีต่อสังคมไทยมากกว่าการไม่มี ต้นทุนการฆ่าพรรคก้าวไกลสูงกว่า ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไรเป็นดุลยพินิจของศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้

แม้เราจะพร้อมทุกสถานการณ์ แต่ในการมีการประชุมทุกภาค มันคือโครงสร้างของพรรค ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อพรรค เปลี่ยนสีพรรค เปลี่ยนโลโก้พรรคก็ไปต่อได้

ตอนพรรคอนาคตใหม่ตนเองจำได้ว่ามีคนพูดว่าทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ก็เพราะคือเครื่องมือตรวจสอบว่ารากฐานของพรรคแข็งแรง ถึงแม้ใครจะมารังแก ใครจะมาทำลาย รากฐานของพรรคก็ยังไปต่อได้

“เขาอยากจะตีหัวผม หัวอาจจะไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมีหัวคนใหม่ที่เก่งกว่ามา แต่รากฐานก็คือพี่น้องประชาชนมีสมาชิกพรรค ที่ยังไม่หวั่นไหว ยังคงเข้มแข็ง และลงรากลึกไปแล้ว อีกหน่อยก็เหมือนต้นไม้ที่ผลิใบในทุกฤดู แต่รากไม่ได้เป็นพิษ รากแข็งแรง รากเต็มไปด้วยสารอาหาร รากเต็มไปด้วยความรู้ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด แบบที่เราคิดว่าประเทศไทยควรจะเป็น เพราะฉะนั้นไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะออกมาเป็นแบบไหนพวกเราทุกคนไปต่อได้อย่างแน่นอน ผมฟันธง”

ไม่กังวลกระแสแก้ รธน. เป็น สส.เขตล้วน 500 คน สกัดก้าวไกล

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยระบุว่ามีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สส. มีที่มาจากระบบเขตทั้งหมด 500 ที่นั่ง ตัดระบบบัญชีรายชื่อออกไปทั้งหมดเพื่อสกัดพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลจากเพื่อนฝูงในพรรคเพื่อไทย

นายพิธา กล่าวว่า ก่อนจะตอบต้องบอกว่า เมื่อวานนี้ตนปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดอุดรธานี และยังไม่มีโอกาสได้ฟังข้อมูลดังกล่าว จึงยังไม่ทราบบริบททั้งหมด แต่ในหลักการคือการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องแก้โดยให้ประโยชน์ตกอยู่ที่ประชาชน ไม่ควรแก้เพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่ที่นักการเมือง เป็นหลักที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเน้นว่า “การแก้รัฐธรรมนูญคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนในระยะยาว” และทำให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุด ไม่ใช่แก้เพื่อให้พรรคหนึ่งได้ประโยชน์กับการแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าการแก้ไขไปในทิศทางดังกล่าว มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน นายพิธา กล่าวว่า สิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงในสมัยที่แล้ว คือการแก้ไขสัดส่วน สส.แบบแบ่งเขต จาก 350 คนเป็น 400 คน และปรับสัดส่วน สส.แบบบัญชีรายชื่อจาก 150 คน เหลือ 100 คน และมีการปรับวิธีการคำนวณ

“เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่าจะทำให้พรรคได้พรรคหนึ่งได้ประโยชน์ เพราะยังไงที่ผ่านมาพรรคของเราก็ชนะอยู่ดีถึงแม้ว่าจะมีการแก้ ดังนั้นถ้าหลังจากนี้จะมีการปรับสัดส่วนจาก 400 คนให้มีมากขึ้นไปอีก ผมมองว่ามีความเป็นไปได้ในสภา“ นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า ตนขอยึดหลักสำคัญว่าการแก้รัฐธรรมนูญมีความจำเป็น รัฐธรรมนูญปี 2560 คือระเบิดเวลา หากจะแก้ต่อไปต้องเอาประชาชนเป็นตัวหลักและให้ประชาชนได้ประโยชน์ อย่าให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้ประโยชน์มากกว่ากัน หากกฎหมายสูงสุดของประเทศทำให้การเลือกตั้งหรือการเข้าสู่อำนาจไม่ยุติธรรมและเอนเอียง จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกต่อไป แทนที่จะสามารถแก้ระเบิดเวลาได้ก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้งใหม่ในที่สุด

ระบุแม้เสี่ยงถูกยุบ แต่ สส.ยังทำงานเต็มที่ ไม่หวั่นไหวจนต้องขายวิญญาณ มั่นใจรากฐานแข็งแรง


ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2] 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net