Skip to main content
sharethis

รายงานพิเศษจากสื่อ Global Labour Column ชี้ว่าในรอบปี 2024 นี้ 'สหภาพแรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐฯ' (UAW) ได้รับชัยชนะใหม่หนึ่งครั้ง และพ่ายแพ้ใหม่หนึ่งครั้ง ทั้งนี้การต่อสู้อันยาวนานยังรอพวกเขาอยู่ข้างหน้า


ที่มาภาพ: United Auto Workers (UAW)

รายงานพิเศษจากสื่อ Global Labour Column ที่เผยแพร่เมื่อเดือน มิ.ย. 2024 ระบุว่าสหภาพแรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐฯ (United Auto Workers - UAW) เพิ่งบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์กับ '3 ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่' 
อย่าง Ford, General Motors และ Stellantis ได้ไม่นาน ก็ได้เริ่มขับเคลื่อนแคมเปญระดับชาติในการจัดตั้งสหภาพแรงงานในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ยังไม่มีสหภาพแรงงานอีกจำนวน 14 แห่ง ซึ่งมีพนักงานรวมประมาณ 150,000 คน ส่วนใหญ่เป็นในพื้นที่ตอนใต้ของสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงด้านการต่อต้านสหภาพแรงงาน และยกเว้น Tesla และ Rivian บริษัทเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของต่างชาติ โดยบริษัทที่อยู่ในรายชื่อแรกคือ Volkswagen, Mercedes, Honda, Toyota, Hyundai และ Nissan

ภายในไม่กี่สัปดาห์ UAW ได้รวบรวมเสียงสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสหภาพแรงงานจากพนักงานที่ Volkswagen (50%) และ Mercedes (50%) รวมถึง Hyundai และ Toyota (แห่งละ 30%) ที่โรงงาน Volkswagen ในเมืองชัททานูกา (Chattanooga) รัฐเทนเนสซี UAW ได้รวบรวมเสียงสนับสนุนจากพนักงานกว่า 4,000 คน ได้ถึง 70% อย่างรวดเร็ว และเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2024 UAW ได้ยื่นคำร้องขอจัดการเลือกตั้งเพื่อรับรองสหภาพแรงงานต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์แห่งชาติ (National Labor Relations Board - NLRB) ในสหรัฐฯ การเลือกตั้งเกือบจะเป็นวิธีเดียวสำหรับสหภาพแรงงานในการได้รับการรับรอง โดยรัฐเทนเนสซี, แอละแบมา และบางรัฐในตอนใต้ของสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายเรียกคืนผลประโยชน์ที่รัฐเคยให้คืนจากบริษัทที่ยอมรับสหภาพแรงงานโดยสมัครใจเมื่อไม่นานมานี้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

รัฐเทนเนสซี และรัฐอื่น ๆ ในภาคใต้ของสหรัฐฯ สร้างเศรษฐกิจของตนบนพื้นฐานของกฎหมายแรงงานที่ค่อนข้างอ่อนแอ งานที่มีค่าจ้างต่ำที่มุ่งเป้าไปที่พนักงานผิวสี การแบ่งแยกเชื้อชาติ และการขาดบริการสังคม นักการเมืองในตอนใต้ยกย่อง “วิถีชีวิตแบบใต้” และ “ค่านิยมแบบใต้” ที่สหภาพแรงงานเช่น UAW ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ทางตอนเหนือ หวังที่จะทำลายมันลง สภาพแวดล้อมที่ต่อต้านสหภาพแรงงานนี้ทำให้อัตราการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานในตอนใต้ของสหรัฐฯ ต่ำมาก ตามสถิติของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ อัตราการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานทั่วประเทศอยู่ที่เพียง 10% ในขณะที่ในรัฐเช่นนิวยอร์ก (20.6%), เพนซิลเวเนีย (12.9%), มิชิแกน (12.8%) หรือแคลิฟอร์เนีย (15.4%) มีอัตราสูงกว่าอย่างมาก รัฐในตอนใต้มีเพียงเคนทักกี (8.8%) ที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของประเทศ แอละแบมา (7.5%) อยู่อันดับที่สองอย่างห่างไกล โดย เซาท์แคโรไลนา (2.3%) อยู่อันดับสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม UAW ไม่ได้เริ่มแคมเปญของตนจากศูนย์ สัญญาระยะยาวกับ '3 ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่' ช่วยให้ UAW ได้รับการรับรองสหภาพแรงงานในโรงงานยานยนต์ของ Ford และ GM ย้ายไปหรือสร้างใหม่ใน เคนทักกี, เทนเนสซี และเท็กซัส

ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 UAW และสหภาพแรงงานอื่นๆ ได้ดำเนินแคมเปญเพื่อจัดตั้งสหภาพแรงงานในรัฐทางตอนใต้หลายครั้ง — และล้มเหลว ในปี 2014 และ 2019 UAW พยายามที่จะให้มีการรับรองสหภาพแรงงานที่โรงงาน VW ในรัฐเทนเนสซี แต่ถึงแม้จะได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแรงงานโลหะของเยอรมนี (IG Metall) ก็ยังแพ้การเลือกตั้งอย่างสูสี ซึ่งมีการโจมตีต่อต้านสหภาพแรงงานอย่างรุนแรงทั้งภายในและภายนอกโรงงาน แต่ในครั้งนี้ ในการเลือกตั้งในเดือน เม.ย. 2024 UAW ได้ยุติสถิติความพ่ายแพ้ของตนด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ (และน่าประหลาดใจสำหรับผู้สังเกตการณ์) ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,628 ต่อ 985 (เห็นชอบ 73%) พนักงาน VW ไม่สนคำข่มขู่โดยนักการเมืองที่เตือนว่าการลงคะแนนให้ UAW จะเป็นภัยคุกคามต่อการจ้างงานและ “ค่านิยม[ชาวใต้]ที่ดำรงอยู่”

ด้วยพลังจากชัยชนะนี้ และการอ้างว่ามีบัตรเลือกตั้งสนับสนุน “ส่วนใหญ่” 70% UAW จึงยื่นคำร้องขอเลือกตั้งที่โรงงาน Mercedes 2 แห่ง ที่มีพนักงานกว่า 5,000 คน ใกล้กับเมืองทัสคาลูซา (Tuscaloosa) รัฐแอละแบมา ที่ตั้งแต่ปี 2014 UAW มีสมาชิกกลุ่มเล็ก ๆ ในโรงงานแห่งนี้ แต่หลังบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์กับ 3 ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ และชัยชนะที่ VW การลงคะแนนที่โรงงาน Mercedes วันที่ 13-17 พ.ค. 2024 UAW กลับพ่ายแพ้ด้วยคะแนนเสียง 2,045 (44%) ต่อ 2,642 (56%)

ชอว์น เฟน (Shawn Fain) ประธานสหภาพ UAW ยอมรับว่านี่ “ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เราต้องการ” แต่ “พนักงานผู้กล้าหาญเหล่านี้ได้ติดต่อมาหาเราเพราะพวกเขาต้องการความยุติธรรม” ในที่สุดเขากล่าวว่าพวกเขาจะชนะ แต่ขั้นตอนต่อไปขึ้นอยู่กับพวกเขา “เราไม่เสียใจ” เขากล่าว และ “Mercedes เป็นสถานที่ทำงานที่ดีขึ้นเพราะแคมเปญนี้”

ชัยชนะ, ความพ่ายแพ้ และการต่อสู้ที่รออยู่ข้างหน้า


ที่มาภาพประกอบ: United Auto Workers (UAW)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การสำรวจความคิดหลายชิ้นชี้ว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่มองว่าการมีสหภาพแรงงานนั้นมีผลดี เช่นการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของ Gallup พบว่าคนอเมริกันสนับสนุนสหภาพแรงงานมากกว่า 70% และตามข้อมูลที่รวบรวมโดย MIT Sloan พบว่าคนทำงานที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานกว่าครึ่ง ต้องการเข้าร่วมสหภาพแรงงานหากมีโอกาส การศึกษาของ Center for American Progress พบว่าคนรุ่น 'Gen Z' ที่ทำงานในโรงงานผลิตรถยนต์นั้น เป็นกลุ่มที่สนับสนุนสหภาพแรงงานมากที่สุดในทุกกลุ่มอายุ คนรุ่นนี้ยังมีบทบาทสำคัญในแคมเปญการจัดตั้งสหภาพแรงงานที่ Amazon และ Starbucks และในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

การจัดตั้งสหภาพแรงงานที่มีการฟื้นฟูขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ได้รับประโยชน์จากการตัดสินใจของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์แห่งชาติ (National Labor Relations Board - NLRB) ที่สนับสนุนสหภาพแรงงาน ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) คณะกรรมการได้พยายามลดทอนกลยุทธ์ต่อต้านสหภาพแรงงานที่เลวร้ายในหมู่บริษัทต่าง ๆ เนื่องจากในอดีต บทลงโทษสำหรับการกระทำผิดทางกฎหมายดังกล่าวมีน้อยมาก

นอกจากนี้ แนวทางที่แข็งกร้าวขึ้นของผู้นำ สหภาพแรงงาน UAW คนใหม่ ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับบริษัทใหญ่และวิพากษ์วิจารณ์ค่าจ้างที่สุงลิ่วของ CEO กลายเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับคนทำงานโรงงาน 3 ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ จากนั้น UAW ก็ไม่พลาดโอกาสในการได้เปิดตัวแคมเปญเดินหน้าจัดตั้งสหภาพแรงงานทั่วประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนโดยงบประมาณ 40 ล้านดอลลาร์ฯ

ที่ VW, UAW ร่วมมือกับ IG Metall ได้วางรากฐานแคมเปญการจัดตั้งสหภาพแรงงานไว้ในช่วงปี 2014 และ 2019  ความพยายามของสมาชิก UAW Local 42 ในที่สุดก็เห็นผล คนทำงานมีความกลัวน้อยลงต่อหัวหน้างานที่ต่อต้านสหภาพแรงงาน และไม่หวั่นไหวต่อคำสัญญาซ้ำ ๆ ของฝ่ายบริหารที่จะทำให้การจ้างงานดีขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนจาก VW World Works Council และจากโรงงาน VW ทั่วโลกช่วยสนับสนุนแคมเปญในการจัดตั้งสหภาพแรงงานในโรงงาน VW แห่งเดียวในโลกที่ไม่มีสหภาพแรงงาน

ขณะที่ผู้บริหารของ VW ในสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ทำการต่อต้านสหภาพแรงงานเช่นที่เคยทำในอดีต แต่ผู้บริหารของ Mercedes ในทัสคาลูซา ยังใช้ทุกกลยุทธ์ในการต่อต้านสหภาพแรงงานอยู่ ทั้งการใช้วิธีจูงใจและการขู่เข็ญ เริ่มจากการขู่เข็ญ: ผู้สนับสนุนสหภาพแรงงานถูกเลิกจ้าง คนทำงานถูกบังคับให้เข้าร่วมการประชุมต่อต้านสหภาพแรงงานแบบ "captive audience" และไมเคิล โกเบล (Michael Göbel) ผู้บริหารสูงสุดของ Mercedes-Benz-USA ได้กล่าวโต้แย้งอย่างเปิดเผยต่อต้านการมีสหภาพแรงงาน UAW ในโรงงาน โกเบลบอกกับคนทำงานว่า “ผมไม่เชื่อว่า UAW จะช่วยให้เราดีขึ้นได้” และกล่าวว่าพวกเขา “ไม่ควรต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสหภาพแรงงานที่สร้างรายได้นับล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี ให้กับองค์กรที่คุณไม่รู้ว่ามีการใช้เงินอย่างไร”

เมื่อวิธีการหยุดยั้งผู้สนับสนุนสหภาพแรงงานล้มเหลว Mercedes ก็เปลี่ยนมาใช้วิธีจูงใจ: พวกเขาเพิ่มค่าจ้างและยกเลิกระบบค่าจ้าง 2 ระดับที่ไม่เป็นธรรม และถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นเวลานาน จากนั้นก็เลิกจ้างโกเบลแทน พวกเขาได้แต่งตั้ง เฟเดอริโก โคชโลสกี (Federico Kochlowski) เป็น CEO คนใหม่ ในจดหมายถึงพนักงาน โคชโลสกีขอร้องให้โอกาสอีกครั้งและขอการสนับสนุนสำหรับ “แนวทางที่ให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก” ของเขา แต่เขายังคงยืนยันจุดยืนต่อต้านสหภาพแรงงานอย่างชัดเจน: “ผมชอบที่เราจะทำงานร่วมกันในอนาคต โดยไม่มีคนนอกสอดแทรกเข้ามา”

ด้วยการใช้กลยุทธ์กดดันอย่างโจ่งแจ้งเหล่านี้ Mercedes ได้ละเมิดข้อตกลงกรอบการทำงานระดับโลกของตนเอง (หลักการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิทธิมนุษยชน) และกฎหมายแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งนายจ้างมักละเมิดเพราะไม่ต้องกลัวมากนัก เพราะบทลงโทษของกฎหมายนี้ไม่ค่อยรุนแรง อย่างไรก็ตาม UAW ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ NLRB และที่สำคัญกว่านั้นคือร้องเรียนต่อรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายห่วงโซ่อุปทานฉบับใหม่ของเยอรมัน ( new German Supply Chain Act) บริษัทเยอรมันจำเป็นต้องรับรองว่าสิทธิมนุษยชนของพนักงาน รวมถึงสิทธิในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน ไม่ถูกละเมิด ขณะนี้การร้องเรียนอยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

หลังจากชัยชนะที่ VW การพ่ายแพ้ที่ Mercedes ได้เปิดเผยถึงความยากลำบากที่ UAW เผชิญในแคมเปญนี้ แนวร่วมต่อต้านสหภาพแรงงานในโรงงานที่ไม่มีสหภาพแรงงานอื่น ๆ เช่น Toyota และ Hyundai รวมถึงนักการเมืองพรรครีพับลิกันในรัฐทางตอนใต้ที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ UAW ประสบความสำเร็จอีกครั้งเช่นที่ VW

อย่างไรก็ตาม UAW จะนำบทเรียนจากทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้มาปรับใช้ในแคมเปญของตนในการจัดตั้งสหภาพแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ ต่อไป และดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อสนับสนุนกฎหมายแรงงานที่เข้มแข็งขึ้น ตามที่เฟนกล่าวในแถลงการณ์ว่า “มันไม่ได้เกี่ยวกับ CEO มันเกี่ยวกับการมีปากเสียงในที่ทำงาน เกี่ยวกับการเรียกคืนชีวิตและเวลาของเรากลับมา หนทางเดียวที่จะทำได้การทำข้อตกลงกับนายจ้างผ่านสหภาพแรงงาน” เขาเสริมว่า “คนทำงานจะได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรม และเราจะอยู่ที่นั่นทุกขั้นตอนเพื่อสนับสนุนพวกเขา”

จากสำนักงานของสหภาพแรงงานในแอละแบมา, เฟนยืนยันว่าการต่อสู้ไม่ได้จบลงเพียงเพราะการเลือกตั้งที่พ่ายแพ้ครั้งหนึ่ง “เราจะเรียนรู้จากมัน เราจะเดินหน้าต่อไป และนั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ”


ที่มา:
The United Auto Workers has one new victory, one new loss, and a long fight ahead (Mike Fichter, Global Labour Column, 20 June 2024)
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net