Skip to main content
sharethis

ข้อมูลจากรัฐบาลลาวระบุว่าประเทศลาวกำลังแบกรับภาระหนี้สาธารณะและหนี้ที่ค้ำประกันโดยภาครัฐรวมแล้ว 13,800 ล้านดอลลาร์ (ราว 50,500 ล้านบาท) ลดลงเพียงร้อยละ 1 จากปีก่อนหน้านี้ และคิดเป็นร้อยละ 108 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี


ท้องถนนในนครเวียงจันทน์ | ที่มาภาพ: Alessio Roversi on Unsplash 

ลาวมีหนี้ภายนอกที่ต้องชำระเมื่อปี 2566 เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าคือ 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 34,700 ล้านบาท) ทำให้ลาวต้องพยายามขอผ่อนชำระหนี้เพื่อไม่ให้เกิดภาวะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ซึ่งปริมาณหนี้ของลาวนั้น มีมากเกินกว่าผลผลิตทางเศรษฐกิจของประเทศ

รายงานกระทรวงการคลังของลาวระบุว่า หนี้ภายนอกที่ลาวต้องชำระเพิ่มขึ้นจาก 507 ล้านดอลลาร์ (ราว 18,500 ล้านบาท) ในปี 2565 ทำให้ลาวต้องผ่อนชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ได้รวมแล้ว 670 ล้านดอลลาร์ (ราว 24,500 ล้านบาท) ในปี 2566 ทบกับของเดิมคือหนี้ที่ต้องชำระราว 1,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 44,700 ล้านบาท) ที่เลื่อนชำระมาตั้งแต่ปี 2563

รายงานของทางการลาวระบุว่า "ลาวจะเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้รายสำคัญต่อไปเพื่อให้มีการผ่อนชำระ (หรือชำระเพื่อกู้ยืมต่อ) ตราสารหนี้และภาระหนี้ที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดแรงกดดันจากภาระหนี้" โดยที่รัฐบาลลาวเน้นย้ำเจตนาที่จะจัดการกับพันธะในเรื่องนี้

สถาบันทางการเงินนานาชาติและสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้เตือนว่าภาระหนี้สินได้ทำให้ประเทศลาวที่มีประชากรอยู่เกือบ 8 ล้านคนอยู่ในสภาวะเสี่ยงมากต่อการผิดนัดชำระหนี้ท่ามกลางปัญหาด้านสภาพคล่อง สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดดีส์ ระบุเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาว่าปัญหาของลาวนั้น "มีปัจจัยประกอบจากการบริหารงานของรัฐบาลที่อ่อนแอบ่งชี้ว่าการจัดการหนี้นั้นไม่เข้มแข็งพอที่จะคาดหมายการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสภาพทางการเงิน"

ช่วงสิ้นปี 2566 ลาวมีหนี้สาธารณะและหนี้ที่ค้ำประกันโดยภาครัฐรวมแล้ว 13,800 ล้านดอลลาร์ (ราว 50,500 ล้านบาท) ลดลงเพียงร้อยละ 1 จากปีก่อนหน้านี้ และคิดเป็นร้อยละ 108 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของลาว จากข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าครึ่งหนึ่งของหนี้สาธารณะภายนอกนั้นเป็นหนี้จีน

รัฐบาลลาวมุ่งเน้นที่จะลดอัตราหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับจีดีพีให้ได้ราวร้อยละ 5 ภายในปี 2568 ให้เหลือร้อยละ 89 จากที่ในปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 94 โดยการที่พวกเขามุ่งเป้าจะเพิ่มรายได้ ลดการกู้ยืมและการใช้จ่าย ลาวหวังว่าจะยังคงมีการมุ่งทำตามพันธกรณีนี้ไปอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมีการประเมินการชำระคืนหนี้ภายนอกรายปีอยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (ราว 47.4 ล้านบาท) ช่วงระหว่างปี 2567-2571

ธนาคารโลกระบุว่า มีปัญหาจากภายในประเทศลาวที่น่ากังวลอยู่ เช่น เรื่องสกุลเงินกีบอ่อนค่า ในประเทศที่มีหนี้ภายนอกรวมแล้วร้อยละ 59 เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนสกุลเงินกีบของลาวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ร้อยละ 31 ในปี 2566 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกำลังสูงขึ้นในระดับที่เทียบเท่ากัน การที่ค่าเงินกีบอ่อนค่าต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้ลาวชำระหนี้ได้ยากขึ้น

ในเรื่องการผ่อนชำระหนี้ที่ติดจีนไว้นั้นเทียบเป็นเงินได้ราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 73,000 ล้านบาท) หรือคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 15 ของจีดีพีในปี 2566 ธนาคารโลกเคยกล่าวว่าการผ่อนชำระหนี้นั้นจะ "ช่วยบรรเทาปัญหาได้ชั่วคราวระหว่างปี 2563-2566"

อย่างไรก็ตาม มีส่วนได้ส่วนเสียคงเหลือและเงินต้นที่ต้องชำระคิดเป็นร้อยละ 5 ของจีดีพีในปี 2566 ธนาคารโลกระบุว่า ผลลัพธ์ของการเจรจาต่อรองหนี้จากทั้งสองฝ่ายจะเป็นสิ่งที่ส่งนัยสำคัญต่อทั้งความยั่งยืนของหนี้และเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค


เรียบเรียงจาก
Debt-saddled Laos turns to deferrals as repayments nearly double, FMT, 01-07-2024
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net