Skip to main content
sharethis

เลาฟั้ง สส. ก้าวไกล ย้ำปัญหาการเพิกถอนอุทยานทับลานต้องแยะแยกประเด็นให้ชัดเจน นายทุนรุกป่ากับการละเมิดสิทธิชาวบ้านที่ถือครองที่ดินมาก่อนประกาศเขตอุทยาน ต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ 2.6 แสนไร่ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่ชาวบ้านที่ครอบครองมาก่อน ปัญหานายทุนฮุบที่ - เจ้าหน้าที่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ต้องว่ากันตามทำผิด อย่าเอาไปเหมารวมกับชาวบ้าน

 

11 ก.ค. 2567 เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Laofang Bundidterdsakul” อธิบายปัญหาการเพิกถอนอุทยานทับลาน ระบุ เป็นเรื่องที่ต้องแยะแยกประเด็นให้ชัดเจน หากจะคัดค้านปัญหานายทุนรุกป่า ถือครอง สปก.โดยมิชอบ หรือทุจริตออกเอกสารสิทธิ์ ต้องพูดให้ตรงประเด็นว่าคัดค้านการยกที่ดินให้นายทุนและปราบปรามการทุจริต เรียกร้องให้ดำเนินการเฉพาะนายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคนถือครองที่ดินกลุ่มน้อยในพื้นที่ อย่าเอาปัญหานายทุนไปเหมารวมกับชาวบ้าน แล้วบอกว่าต้องเอาที่ของชาวบ้านที่เขาอยู่มาก่อนทั้งหมดไปเป็นอุทยาน เพราะกลัวว่าเดี๋ยวนายทุนก็มาฮุบไปหมด แล้วป่าก็จะหายไปหมด

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ 2.6 แสนไร่นั้น ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่ชาวบ้านครอบครองมาก่อนประกาศเป็นอุทยานและไม่มีสภาพเป็นป่าแล้ว ปัจจุบันเป็นทั้งที่ตั้งหมู่บ้าน วัด โรงเรียน อนามัย ตลาด ทุ่งนาหรือสวน ซึ่งไม่ใช่ที่อยู่ของสัตว์ป่า มีเพียงส่วนน้อยที่ตกเป็นของนายทุนที่เอาไปทำรีสอร์ท ดังนั้น การเรียกร้องให้เอาที่ดินของชาวบ้านที่สุจริตเหล่านั้นมาเป็นของอุทยาน เป็นความคิดที่ผิดและเป็นการละเมิดสิทธิของเขา สำหรับการดำเนินการกับนายทุนก็ดำเนินการไปตามกฎหมายปกติ ขอย้ำกว่าอย่าเหมารวม

เลาฟั้งย้ำว่า การทึกทักเอาว่าถ้าหากเพิกถอนอุทยานแล้วมอบที่ดินให้ชาวบ้าน ชาวบ้านจะเอาไปขายหมด เป็นความคิดที่ดูถูกชาวบ้านจนเกินไป ตนเองคิดว่าคนไทยที่มีที่ดินอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะชนชั้นกลาง หลายคนก็ซื้อมาทั้งนั้น บางคนที่มีดินก็เคยขายด้วย เพียงแต่อ้างว่าตนซื้อขายถูกตามกฎหมายเท่านั้น แต่พอชาวบ้านจะขายก็กลับถูกมองว่าโลภมาก สำหรับปัญหาการกว้านซื้อที่ดินของนายทุน มีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ก็บังคับตามกฎหมายไป หากเจ้าหน้าที่ละเลยก็เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ไป อย่าเอาปัญหาความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ไปละเมิดสิทธิของชาวบ้าน

เลาฟั้งเสนอแนวทางในการดำเนินการกับกรณีอุทยานทับลานที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ขณะนี้ ดังนี้

1. ที่ดินที่ชาวบ้านอยู่มาก่อนประกาศเป็นอุทยาน ก็ต้องเพิกถอน คืนสิทธิที่เขามีแต่เดิมให้แก่เขาไป

2. ที่ดินที่ชาวบ้านอยู่หลังประกาศเป็นอุทยาน ก็ใช้วิธีการอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยาน ซึ่งเป็นแนวทางตามกฎหมายปกติ

3. ที่ดิน สปก. ที่นายทุนถือครองมิชอบ ก็ใช้อำนาจตามกฎหมาย สปก. ไปยึดคืน หรือที่ดินที่ออก นส. 3 หรือโฉนดมชอบ ก็ยึดคืนและดำเนินคดีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและนายทุน สำหรับที่ดินรุกล้ำอุทยาน ก็ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.อุทยาน ไปตรวจยึดและรื้อถอนให้หมด

ปัญหาของเรื่องนายทุนฮุบที่และเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือรู้เห็นเป็นใจ ต้องว่ากันด้วยเรื่องดำเนินการกับคนทำผิด อย่าเอาไปเหมารวมกับชาวบ้านที่เขาสุจริต

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net