'ชัยธวัช' เสียดาย แต่มั่นใจข้อต่อสู้ด้านกฎหมาย หลังศาล รธน.นัดลงมติ 7 ส.ค.นี้ โดยไม่เปิดไต่สวน กรณีที่ กกต.ยื่นวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เข้าข่ายมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ 

18 ก.ค. 2567 เว็บไซต์ ไทยพีบีเอส รายงานวานนี้ (17 ก.ค.) ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อกรณีหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุติการไต่สวนคดีที่ กกต.ส่งศาลวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เพราะว่ามีเหตุอันควรให้เชื่อได้ว่า "มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองฯ" และนัดลงมติวันที่ 7 ส.ค. 2567 เนื่องจากเห็นว่าเหลือประเด็นที่จะพิจารณา เฉพาะปัญหาประเด็น "ข้อกฎหมาย" เท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงนั้นศาลเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว 

ชัยธวัช กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ศาลมีความเห็นให้ผนวกเอาคำร้องของคู่กรณีเข้าไปอยู่ในสำนวนด้วย น่าจะหมายถึงความเห็นของพยาน สุรพล นิติไกรพจน์ ซึ่งเป็นความเห็นทางกฎหมาย และคำร้องที่พรรคก้าวไกลยื่นโต้แย้ง พยานหลักฐานของ กกต. และพยานหลักฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญนำเข้าสู่ในคดีนี้ อย่างน้อยแม้ว่าจะไม่มีการไต่สวน และโต้แย้งข้อเท็จจริงเข้าไปแล้ว 

"น่าเสียดายไม่มีการเปิดไต่สวน ในฐานะที่เราเป็นผู้ถูกร้องในข้อเท็จจริงยังมีประเด็นปัญหาที่ควรจะมีการไต่สวนจนถึงที่สุดก่อน" ชัยธวัช ระบุ 

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย พวกเขายังมีความมั่นใจในข้อต่อสู้ทางกฎหมายที่ได้ต่อสู้ไป ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ต่อสู้ว่ากระบวนการยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทางพรรคก้าวไกลเคยแถลงไปแล้วในรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งอาศัยหลักฐานเอกสารของ กกต.เอง ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ากระบวนการยื่นคำร้องยุบพรรคฯ ในคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อกฎหมายที่สำคัญเรื่องอื่นๆ เขายังมีความมั่นใจ อย่างทำไมการกระทำที่ก้าวไกลถูกกล่าวหาไม่ใช่การกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครองฯ หรืออาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองฯ รวมถึงว่าทำไมถึงไม่มีเหตุให้ยุบพรรคก้าวไกล 

ชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกล จะทำต่อไปคือคำแถลงปิดคดีที่พรรคฯ ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เนื่องจากไม่มีการเปิดไต่สวนที่หน้าบัลลังก์ ดังนั้น จะไม่มีการแถลงปิดคดีโดยวาจา

ชัยธวัช กล่าวว่า ถ้ามีการเปิดไต่สวน พรรคฯ จะมีโอกาสได้นำเสนอข้อเท็จจริงต่อสู้ทางข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงถึงที่สุด ให้ได้สัดส่วนกับข้อกล่าวหาและโทษในคดีนี้ ซึ่งมีโทษสูงสุดคือยุบพรรคการเมือง เมื่อไม่ได้เปิดไต่สวน อย่างน้อยได้รวมคำร้องเพิ่มเติมของเราอย่างที่กล่าวไปทั้งพยานความเห็นของ สุรพล นิติไกรพจน์ เป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมายมหาชนและที่ปรึกษาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคำโต้แย้งพยานหลักฐานไปแล้ว น่าจะเพิ่มน้ำหนักในการต่อสู้ เขายืนยันว่ายังไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น แม้ว่าศาลจะเห็นว่าเหลือแต่ข้อกฎหมาย 

ต่อประเด็นหากผลการวินิจฉัยออกมาเป็นลบ ชัยธวัช ระบุว่าไม่ได้มีการเตรียมการอะไร ต้องหารือในพรรคฯ ก่อน ตอนนี้พรรคฯ ยังทำงานตามปกติ รวมถึงความกังวลของ สส.ที่จะมีการย้ายพรรคการเมือง

"ไม่ได้เตรียมใจยอมรับ (ผลวินิจฉัย) เพราะยังเตรียมตัวมาทำงานวันที่ 8 ส.ค. อยู่ โดยจะตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี" ชัยธวัช กล่าว

ส่วนประเด็นการเตรียมพรรคสำรอง ชัยธวัช กล่าวว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะคุยกันเรื่องนี้ ขออย่าพึ่งด่วนสรุป เพราะหลังๆ ได้ยินมาว่า "บอกว่าจะไม่ยุบแล้วมั้ง" เพราะยิ่งต่อสู้คดีไปยิ่งมั่นใจว่าจะไม่ถูกยุบพรรค