Skip to main content
sharethis

'ยืนหยุดทรราช' เชียงใหม่ สัปดาห์ที่ 100 ยืนยันจะยืนต่อไปจนกว่าผู้ต้องขังในคดีทางการเมืองจะได้รับการปล่อยตัว ผู้ร่วมกิจกรรมระบุ การยุบพรรคก้าวไกลด้วยเหตุผลของ ม.112 ยิ่งทำให้การพูดคุยในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กระทำได้ยากขึ้น และการประกันตัวที่ สส. เคยเข้ามาช่วยก็จะไม่มีใครกล้าทำ การล้มล้างการปกครองอย่างเดียวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทยคือการรัฐประหารเท่านั้น

 

12 ส.ค. 2567 เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา กลุ่ม “We, The People” จัดกิจกรรม “ยืนหยุดทรราช” เชียงใหม่ ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 100 เพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวให้แก่ผู้ต้องขังคดี ม.112 และผู้ต้องขังในคดีการเมืองทุกคน โดยกิจกรรมยืนหยุดทรราช เชียงใหม่ จะหยุดทุกวันเสาร์ เวลา 17.00 - 18.12 น. ที่บริเวณลานท่าแพ

หลังจากยืนเพื่อเรียกร้องสิทธิมาครบ 100 สัปดาห์ ผู้ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมยืนยันว่าจะยังคงยืนต่อไปจนกว่าผู้ต้องขังในคดีทางการเมืองจะได้รับการปล่อยตัว กระบวนการยุติธรรมไทยจะถูกเปลี่ยนแปลง

เชียงใหม่

“เรายืนกันมาครบสัปดาห์ที่ 100 ปีแรกๆ ที่ยืนเรายืนทุกวันด้วยซ้ำไป ผมยังไม่รู้ว่าเราต้องยืนอีกนานแค่ไหนเพราะว่าจุดยืนของเราที่ออกมาประท้วงตรงนี้คือการต้องการให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีปัญหา ลิดรอนสิทธิเรื่องการประกันตัว โดยเฉพาะปัจจุบันที่เห็นชัดมากขึ้นว่ากระบวนการมาตรา 112 มีปัญหา กระบวนการยุติธรรมยิ่งแย่ลงกว่าเดิม มีการเลือกปฏิบัติว่าจะให้สิทธิหรือไม่ให้สิทธิในการประกันตัว ทั้งมีการพิจารณาในการตัดสินโทษที่เราเห็นว่าผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองถูกตัดสินในคดีแบบนี้ด้วยอัตราโทษที่รุนแรง หลายคนอยู่ในเรือนจำเป็นประจักษ์พยาน เราออกมายืนตรงนี้ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สังคมเห็น และผมคิดว่าจะยืนจนกว่าสิทธิการประกันตัวจะได้รับการพิจารณา หรือไม่อย่างนั้นก็จนกว่ากระบวนการยุติธรรมจะถูกเปลี่ยนแปลง” ผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าว

เชียงใหม่

“ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องยืนไปอีกนานแค่ไหน แต่ว่าผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เราต้องยืน ต้องมีคนยืนยันสิ่งที่ไม่เป็นธรรม แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเรามีความหวัง อาจจะบอกไม่ได้ว่าวันนี้พรุ่งนี้ แต่ผมคิดว่าอนาคตมีความหวัง ความไม่เป็นธรรม อำนาจที่ไม่ชอบธรรมทั้งหลาย เริ่มผุกร่อนไปเรื่อยๆ เราอาจจะเห็นคนไม่เยอะ แต่ถ้าดูการตอบรับการส่งสัญญาณจากคนที่บีบแตรไม่น้อยนะ ตัวผมเองอาจจะไม่ได้พะวงมากว่าต้องยืนนานแค่ไหน แต่ที่สำคัญต้องยืนยันว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่เป็นธรรม และผมคิดว่าเราช่วยกันได้” ผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าว

เมื่อถามถึงประเด็นที่ว่าคิดอย่างไงกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคก้าวไกล ด้วยเหตุผลของ ม.112 คำตัดสินนี้จะกระทบต่อการขยับตัวของพรรคการเมือง หรือ สส. หรือไม่ ต่อไปเวลามีประชาชนโดนจับในคดี ม.112 ก็อาจจะไม่มีพรรคการเมืองใดออกมาพูด หรือ สส. คนไหนมาประกันตัวให้ กิจกรรมยืนหยุดทรราชเชียงใหม่ทีความเห็นว่า

ภัควดี วีระภาสพงษ์ หนึ่งในผู้ร่วมยืนหยุดทรราชกล่าวว่า ปัญหาของศาลรัฐธรรมนูญที่พิพากษายุบพรรคก้าวไกลเป็นปัญหาที่พยายามพูดมาตลอดถึงต้องมายืนถือป้ายยกเลิก ม.112 เพราะ ม.112 ตอนนี้มีปัญหาจริงๆ ทั้งในแง่ของการตีความและการบังคับใช้ มีการตีความที่ขยายความออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่รู้ว่าขอบเขตของกฎหมายมาตรานี้อยู่ตรงไหน ในการบังคับใช้ก็ค่อนข้างมีปัญหาพอสมควร ทั้งกับตัวบุคคลที่โดนคดีนี้และรวมไปถึงพรรคการเมืองที่โดนคดีนี้ด้วย

“มันก็เป็นเรื่องตลกที่ว่าการขอแก้ไขกฎหมายเพียงมาตราเดียวจะนำไปสู่การตีความว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก คิดว่าน่าจะเป็นที่เดียวของโลกหรือในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เพราะกฎหมายก็คนเขียนและจะว่าไป ม.112 ก็เคยถูกแก้ ถูกเขียนใหม่ ถูกบัญญัติ ถูกตีความอะไรต่างๆ เปลี่ยนแปลงมาตลอด ในเมื่อเคยมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดจะบอกว่าคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว มันเคยมีการล้มล้างการปกครองหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ การล้มล้างการปกครองอย่างเดียวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ก็คือการรัฐประหารเท่านั้นแหละ” ภัควดี กล่าว

เชียงใหม่

ภัควดี วีระภาสพงษ์

ภัควดีอธิบายต่อว่า พอเกิดปัญหาของการตีความที่บานปลายไปจนถึงการยุบพรรคการเมืองเช่นนี้ เป็นสิ่งที่จะทำให้ต่อไปในอนาคตข้างหน้าการพูดคุยในเรื่องสำคัญของประเทศเกี่ยวกับสถาบันหลักที่เป็นใจกลางของประเทศกระทำได้ยากขึ้น

“บางทีการประกันตัวที่ สส. เคยเข้ามาช่วยประกันตัวก็จะไม่มีใครกล้าทำ คิดว่าในแง่นี้เดิมทีเราก็คิดว่าเราสนับสนุนการแก้ไข ม.112 ตั้งแต่สมัยคณะนิติราษฎร์ แต่หลังๆ จะเอาแค่การแก้ไขก็ดูเหมือนจะไม่พอ ก็เลยคิดว่ายกเลิกไปก่อน เสนอให้ยกเลิกไปก่อน เพราะว่าถ้ายังมีการตีความแบบนี้ บังคับใช้แบบนี้ ก็อย่าเพิ่งใช้ เพราะมันสร้างปัญหามากเกินไปในประเทศนี้” ภัควดี กล่าว

ทั้งนี้ ภัควดีระบุว่า กิจกรรมยืนหยุดทรราช เชียงใหม่ ในปัจจุบันนี้เป็นการยืนรอบที่ 3 แล้ว ครั้งแรกจัดในปี 2564 มีการยืนทุกวันประมาณ 47 วัน ครั้งที่ 2 ยืนไป 100 กว่าติดกันทุกวัน จนมาถึงครั้งล่าสุดนี้ที่นสัปดาห์ละครั้ง และวันนี้ (10 ส.ค. 2567) เป็นสัปดาห์ที่ 100 ของการยืนรอบที่ 3

“ตอนนี้เราก็ยังนึกไม่ออกว่าจะต้องยืนไปอีกนานแค่ไหน เพียงแต่ว่าเราก็ไม่อยากจะทิ้งเพื่อนในเรือนจำให้เขาคิดว่าเขาถูกลืม อยากเป็นกำลังใจให้เขา ในขณะเดียวกันเรายังต้องการสื่อสารกับสังคมข้างนอกว่าอย่าลืมนักโทษการเมืองที่อยู่ในประเทศของเรา อย่างน้อยการที่เราออกมาและสื่อสารโดยตรงก็น่าจะมีประโยชน์กับการที่ทำให้เกิดการรับรู้ของคนทั่วไปเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ” ภัควดี กล่าว

ขณะที่พิภพ อุดมอิทธิพงศ์ ผู้ร่วมยืนหยุดทรราช เชียงใหม่ มีความเห็นว่า “คำตัดสินเมื่อวานก่อน (คดียุบพรรคก้าวไกล) ในความเห็นผมเป็นคำตัดสินที่เหลวไหล ไร้ตรรกะอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือในทางตรรกะทั่วไป เพราะว่าการเอาคำตัดสินเมื่อเดือนมกราคม เมื่อต้นปีมาเป็นบรรทัดฐาน และเอามาผูกกับการตัดสินเพื่อยุบพรรคมันเหลวไหล ไร้ตรรกะ ตอนที่ศาลตัดสินเมื่อเดือนมกราคม ศาลพูดถึงสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ ก็คือเป็นข้อเสนอในการแก้ไขกฎหมายหนึ่งฉบับ ซึ่งยังไม่ได้เกิดขึ้น”

เชียงใหม่

พิภพ อุดมอิทธิพงศ์

พิภพอธิบายต่อว่า สิ่งที่ทำแล้วกับสิ่งที่จะทำไม่เหมือนกัน ดังนั้นการที่ศาลรัฐธรรมนูญนำคำตัดสินเมื่อเดือนมกราคมที่ศาลพูดถึงว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความผิด แต่ยังไม่ได้ทำ มาเป็นเหตุผลในการตัดสินโทษยุบพรรคก้าวไกลเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้ เปรียบเทียบกับการตัดสินคดีอาญาในต่างประเทศจะมี 2 ขั้นตอน ขั้นแรกคือการตัดสินว่าผิดก่อนหรือไม่ และขั้นที่ 2 จะเป็นการกำหนดโทษ ซึ่งจะกระทำแยกกัน ฉะนั้นการตัดสินว่าผิดต้องเกิดจากการที่มีการกระทำก่อน ในเมื่อพรรคก้าวไกลยังไม่ได้เสนอหรือแก้กฎหมาย ม.112 เลย “จะไปตัดสินว่าเขาผิด เสร็จแล้วก็จะมากำหนดโทษเขาด้วยการยุบพรรค ไม่ถูก อันนี้ตรรกะทั่วไปเลย ไม่ใช่เรื่องกฎหมาย”

เมื่อถามว่าต้องยืมไปอีกถึงเมื่อไหร่พิภพระบุว่า “เราก็ยืนตราบเท่าที่มีนักโทษการเมืองอยู่ เราก็ยืนตราบเท่าที่สักวันหนึ่งจะมีอะไรเกิดขึ้นเหมือนที่บังคลาเทศแบบนั้น คือล้มทั้งสถาบันไปเลย เพราะว่าพอล้มทั้งสถาบันไปเลยก็ตั้งเป็นรัฐบาลใหม่ขึ้นมา และในบังคลาเทศอย่างที่เราเห็นคนที่ขึ้นมามีอำนาจตอนนี้ที่เพิ่งสาบานตนเข้าไป มูฮัมหมัด ยูนูส เขาเป็นคนที่รัฐบาลเก่าพยายามกำจัดอยู่ตลอดเวลา หาเรื่องส่งเข้าคุก แจ้งข้อหา ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนที่ได้รับรางวัลโนเบล เป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ เหมือนอย่างพรรคก้าวไกลที่ทำงานเพื่อประเทศชาติทุกวันนี้ แต่ว่าชีค ฮาสินา ที่บินหนีไปอินเดียก็พยายามหาเรื่องเขาตลอดเวลา ถามว่ายืนไปถึงเมื่อไหร่ ก็จะยืนไปจนกระทั่งมันจะล้มไปทั้งสถาบันนั่นแหละ”

เชียงใหม่

 

เชียงใหม่

 

เชียงใหม่

 

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net