มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ ยื่นหนังสือขอให้ผลักดันร่างกฎหมายมาตรการคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศฯ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว หวังให้อาชีพพนักงานบริการทางเพศได้รับการคุ้มครองและรับรองสิทธิตามกฎหมาย

เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่าเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2567 นางสาวขัตติยา  สวัสดิผล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ รับหนังสือจากนางทันดา  เลาวิลาวัณยกุล ผู้ประสานงานมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ เพื่อขอให้ผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรการคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ พ.ศ. .... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยเร็ว ทั้งนี้ เนื่องจากตามกระบวนการยกร่างกฎหมายดังกล่าวได้ดำเนินการจนแล้วเสร็จตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2566 และต้องนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แต่กระบวนการดังกล่าวกลับหยุดชะงักลง แม้ว่าทางมูลนิธิฯ ได้ติดตามสอบถามความคืบหน้าจากกระทรวง พม. ไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ทำให้ทางมูลนิธิฯ และพนักงานบริการมีข้อกังวลว่าการพิจารณาร่างกฎหมายมาตรการคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศฯ อาจล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้ หากร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว มีการตั้งคณะ กมธ. วิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็ขอให้มีตัวแทนจากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนที่ส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนและสุขภาพอนามัยของพนักงานบริการ เข้าไปเสนอแนะข้อคิดเห็นใน คณะ กมธ. ชุดดังกล่าวด้วย

นางสาวขัตติยา กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ร่าง พ.ร.บ.มาตรการคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ พ.ศ. .... เป็นร่างกฎหมาย ที่เสนอโดยภาคประชาชน ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยให้ความสนใจผู้ประกอบอาชีพให้บริการทางเพศ (Sex Worker) เป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก และกฎหมายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกฎหมายอีกหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบกัน อย่างไรก็ตาม ตนจะสอบถามความคืบหน้าของกฎหมายดังกล่าวไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อมาบังคับใช้ เนื่องจากการประกอบอาชีพเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ดังนั้น รัฐบาลจะต้องนำกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว มาพิจารณาปรับปรุงให้มีความทันสมัย พรรคเพื่อไทยขอร่วมผลักดันให้มีการบังคับใช้เป็นกฎหมายดังกล่าวต่อไป