Skip to main content
sharethis

เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน (TMR) ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมการรับมือผลกระทบจากสถานการณ์ในเมียนมา หลังพบผู้อพยพโรฮิงญาเสียชีวิต 3 ราย ที่ จ.ชุมพร พร้อมเสนอ 8 ข้อให้รัฐบาลดำเนินการ เน้นการคุ้มครองกลุ่มเปราะบางและสร้างความเข้าใจกับสังคมไทย

20 ต.ค. 2567 เครือข่ายปฏิรูปหารโยกย้ายถิ่นฐาน (TMR) ออกแถลงการณ์ "กรณีพบผู้อพยพชาวโรฮิงญาในสภาพอิดโรยและเสียชีวิต ที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ประเทศไทย" เรียกร้องให้รัฐบาลไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ เร่งพิจารณาดำเนินการเพื่อเตรียมการรับมือต่อผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบาง และร่วมกันทำความเข้าใจกับสังคมไทยถึงปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

แถลงการณ์ "กรณีพบผู้อพยพชาวโรฮิงญาในสภาพอิดโรยและเสียชีวิต ที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ประเทศไทย"

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2567 มีรายงานข่าวกรณีการพบผู้เสียชีวิตชาวโรฮิงญา จำนวน 2 ราย พร้อมกับชาวโรฮิงญาในสภาพอิดโรย จำนวนราว 10 ราย ที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร โดยยังมีรายงานข่าวต่อมาว่าชาวโรฮิงญากลุ่มดังกล่าวได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพิ่มอีก 1 ราย (รวมผู้เสียชีวิตเป็น 3 ราย) และหลายรายที่ยังอยู่ในอาการสาหัส

รายงานข่าวจากสำนักข่าวชายขอบ (Transborder News) วันที่ 18 ตุลาคม 2567 อ้างอิงกลุ่ม Rohingya Talent Group ว่า “การขนย้ายครั้งนี้มีชาวโรฮิงญากว่า 70 คน แต่เมื่อมาถึงบริเวณหลังสวน มีบางส่วนทำท่าจะเสียชีวิต จึงได้ให้ลง ส่วนพวกที่เหลือยังขนย้ายไปส่งยังพื้นที่เป้าหมาย”

จากข้อมูลเบื้องต้น ขบวนการค้ามนุษย์นี้จะขนย้ายชาวโรฮิงญาจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา หรือในค่ายพังพิงประเทศบังคลาเทศ-อินเดีย เดินทางข้ามประเทศเมียนมา และนำมาพักไว้พื้นที่ชายแดนตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากนั้นนำพาข้ามชายแดนและขึ้นรถกระบะเดินทางไปยังพื้นที่แห่งหนึ่งในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก และลงเดินตามป่าประมาณ 1 วันมาถึงชายแดนอำเภอเมืองตาก จากนั้นขึ้นรถตู้มายังกรุงเทพฯ ก่อนจะส่งไปยังภาคใต้เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย

ข้อมูลจากสมาคมชาวโรฮิงญาในประเทศไทย (Association Rohingya Thailand) ยังให้ข้อมูลว่า มีชาวโรฮิงญา จำนวน 1,500 - 2,000 คน และรวมถึงชาวบังคลาเทศด้วย (ตามรายงานข่าวจากสำนักข่าวชายขอบ วันที่ 19 ต.ค. 2567) ที่อยู่พื้นที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา และเตรียมตัวถูกนำพาต่อไปยังประเทศมาเลเซียโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน โดยสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมาที่ดำเนินไปเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้อพยพหลบหนีความไม่สงบมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่น (TMR) มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และได้พยายามนำเสนอสถานการณ์ของผู้อพยพหลบหนีความไม่สงบในประเทศเมียนมาที่จะเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงต่อการแสวงหาประโยชน์ในการย้ายถิ่น เช่น เด็ก ผู้หญิง ผู้ลี้ภัย แรงงานข้ามชาติและสมาชิกในครอบครัว ตลอดจนกลุ่มคนผู้ที่ไม่มีเอกสารแสดงตนหรือไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นพลเมือง (สัญชาติ) ในประเทศต้นทาง

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 (The 44th and 45th ASEAN Summit) ณ นครหลวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว ระหว่างวันที่ 9-11 ต.ค. 2567 โดยรัฐบาลไทยได้เสนอเป็นเจ้าภาพ “การประชุมปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการ” เพื่อใช้หาทางออกให้กับสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาในเดือนธันวาคม 2567 นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 75 (ExCOM 75) ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 14-18 ต.ค. 2567 รัฐบาลไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่น และคนไร้สัญชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับการคุ้มครองที่เหมาะสมและทันท่วงที มีสิทธิได้รับการยอมรับ และได้รับโอกาสในด้านต่าง ๆ

ในฐานะที่ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council) และมีบทบาทหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เราหวังว่าเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลไทย และสังคมไทยจะตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ดังกล่าว รวมถึงผลกระทบจากความไม่สงบในประเทศเมียนมาที่ส่งผลต่อประเทศไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่น (TMR) เรียกร้องให้รัฐบาลไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ เร่งพิจารณาดำเนินการเพื่อเตรียมการรับมือต่อผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบาง และร่วมกันทำความเข้าใจกับสังคมไทยถึงปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ดังนี้:

1. นายกรัฐมนตรีจัดตั้งคณะทำงานพิเศษ โดยให้มีหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม เข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนแก้ไขปัญหา ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อสารต่อสาธารณะต่อสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมอย่างทันท่วงที

2. นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งทูตพิเศษด้านเมียนมา ที่มีบทบาทในการอำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา กองกำลังชนกลุ่มน้อยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เพื่อแก้ไขวิกฤตในเมียนมา โดยทำงานร่วมกับอาเซียนและประเทศพันธมิตร

3. รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเตรียมความพร้อมของคณะทำงานสหวิชาชีพในการดำเนินคัดกรอง คัดแยก และจัดทำทะเบียนประวัติเป็นการชั่วคราวแก่กลุ่มผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ เพื่อให้สามารถระบุบุคคล สมาชิกในครอบครัว ภูมิลำเนา และเพื่อรวบรวมรายละเอียดและจำนวนของผู้ที่เดินทางเข้ามาภายในประเทศในทุกช่องทาง ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ พ.ศ. 2562

4. รัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งสืบสวน ขยายผล และนำกลุ่มขบวนการร่วมกระทำความผิดมาลงโทษ ตลอดจนการชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551

5. รัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 13 ซึ่งได้บัญญัติ “หลักการห้ามผลักดันกลับ” (Non-Refoulement) ไม่ให้กลับไปเผชิญภัยอันตรายต่อชีวิต

6. รัฐบาลไทย โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย บูรณาการการจัดการผู้อพยพหนีภัยเข้ามาในประเทศไทยกลุ่มต่าง ๆ ดำเนินการคัดกรองและจัดทำทะเบียนประวัติ ตามแนวนโยบายและกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อมนุษยธรรม และปราบปรามกลุ่มธุรกิจอาชญากรรมข้ามชาติ

7. รัฐบาลไทยต้องดำเนินนโยบายเชิงรุกในการสร้างความร่วมมือข้ามชายแดนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติและความมั่นคงของมนุษย์ โดยพิจารณาจัดตั้งกลไกความร่วมมือระหว่างสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กองทัพไทย กองทัพบท ในการบริการจัดการชายแดนและผู้ที่หนีภัยชาวเมียนมา รวมถึงพิจารณาประสานงานจัดตั้งกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการแบ่งปันความรับผิดชอบร่วมกันกับประเทศไทย

8. รัฐบาลไทยเร่งปรับปรุงนโยบายภาพรวมของการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนและการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบภายในประเทศเมียนมา โดยคำนึงถึงรูปแบบของการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ (Irregular Migration) และลักษณะของโยกย้ายถิ่นฐานแบบผสม (Mixed Migration)

เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน
20 ต.ค. 2567


อ้างอิง:
Admin. (2024a, October 18). แฉขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาสุดเลวร้าย-เหตุหนีสงครามในรัฐยะไข่-ถูกบังคับเป็นทหาร เชื่อร่วมแสนคนทะลักเข้าไทย เผยเส้นทางขนคนเข้าจากแหล่งอาชญากรรมเมืองเมียวดีสู่ อ.แม่สอด อีก 1.5 พันคนจ่อเข้าไทย. สำนักข่าวชายขอบ : Transborder News. https://transbordernews.in.th/home/?p=40280
Admin. (2024b, October 19). วอนนายกรัฐมนตรีไทยแก้ปัญหาชาวโรฮิงญาตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ เผยใช้ไทยเป็นเส้นทางสู่ประเทศที่ 3 พบอีกเหยื่อชาวบังคลาเทศถูกทรมานโหดในแหล่งอาชญากรรมเมืองเมียวดี-หนีรอดมาได้. สำนักข่าวชายขอบ : Transborder News. https://transbordernews.in.th/home/?p=40295
Reuters. (2024, October 10). ไทยใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียนที่เวียงจันทน์ ดันแผนแก้ปัญหาเมียนมา. Voice of America. https://www.voathai.com/a/asean-holds-summit-in-laos-as-thailand-floats-new-plan-for-myanmar/7816620.html
UNHCR - The UN Refugee Agency. (n.d.). General debate statements - Thailand - 2024 Executive Committee session | UNHCR. UNHCR. https://www.unhcr.org/media/general-debate-statements-thailand-2024-executive-committee-session

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net