วันเดียว 3 คดี! อัยการสั่งฟ้อง 'เพนกวิน-อั๋ว' ข้อหาฝ่าฝีน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหตุจัดกิจกรรม 'ทวงความเป็นธรรมให้กับนายวันเฉลิม' เมื่อ 5 มิ.ย. 63-'เพนกวิน' โดนเพิ่มอีก 1 ข้อหาจากกิจกรรมอ่านประกาศคณะราษฎรฯ เมื่อ 24 มิ.ย. 63 ด้าน 'แอมมี่' ถูกฟ้อง 2 ข้อหาเหตุสาดสีหน้า สน.สำราญราษฎร์ เมื่อ 28 ส.ค. 63 ขณะที่ในสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เตรียมยื่นเรื่องต่อ รมว.กระทวงยุติธรรมเร่งสอบข้อเท็จจริงกรณีแกนนำราษฎรถูกละเมิดสิทธิในเรือนจำ

17 มิ.ย. 2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า วันนี้ (17 มิ.ย. 2564) ที่ศาลแขวงปทุมวัน พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการกิจกรรม "อ่านประกาศคณะราษฎรอีกครั้ง ให้รู้กันไปเลยว่าใครเป็นเจ้าของประเทศ" เพื่อรำลึกเหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 ที่สกายวอล์ค แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 24 มิ.ย 2563 กิจกรรมดังกล่าวจัดโดยสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) โดยมีทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือฟอร์ด, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และพริษฐ์ รวมถึงประชาชนแนวร่วม มีจุดประสงค์เพื่อรำลึกถึงพันธกิจของคณะราษฎร ในโอกาส 88 ปี วันการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อปีที่แล้ว พริษฐ์ และปนัสยา ในฐานะสมาชิก สนท. ถูกตำรวจ สน.ปทุมวันออกหมายเรียกให้ไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ทั้งคู่ปฎิเสธการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก แต่ได้เดินทางไปทำกิจกรรมฉีกหมายเรียกที่หน้า สน.ปทุมวัน เพื่อแสดงจุดยืนอารยะขัดขืนไม่ยอมรับการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อเสร็จสิ้นการทำกิจกรรม พริษฐ์และปนัสยาได้เดินทางกลับทันที ขณะที่ทัตเทพเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2563

นอกจากนี้ วันนี้ (17 มิ.ย. 2564) อัยการศาลแขวงปทุมวันยังมีคำสั่งฟ้องพริษฐ์ และจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรืออั๋ว นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และประธาน สนท. ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากเหตุชุมนุม "ทวงความเป็นธรรมให้กับนายวันเฉลิม" ที่สกายวอล์ค แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2563 ทำให้วันนี้ พริษฐ์ถูกฟ้องรวม 2 ข้อหาจาก 2 คดี

ต่อมา เวลา 15.36 น. ศูนย์ทนายความฯ รายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า ศาลมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวแก่พริษฐ์และจุฑาทิพย์ในทั้ง 2 คดี โดยให้ทำสัญญาประกันเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท หากผิดสัญญา จะปรับเงิน 20,000 บาท นอกจากนี้ ยังให้ตั้งผู้กำกับดูแล และให้จำเลยทั้ง 2 คนรายงานตัวต่อผู้กำกับดูแลทุกเดือน

สั่งฟ้อง 'แอมมี่' คดีสาดสีหน้า สน.สำราญราษฎร์

พร้อมกันนี้ในวันเดียวกัน (17 มิ.ย. 2564) ที่ศาลแขวงดุสิต อัยการมีคำสั่งฟ้อง ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ The Bottom Blues ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ จากเหตุสาดสีหน้า สน.สำราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563

ไชยอมร ถูกแจ้งความในคดีนี้ทั้งหมด 3 ข้อหา ได้แก่ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ, ทำให้เสียทรัพย์ และทำให้ปรากฏซึ่งรูปรอยใดๆ บนถนนหรือที่สาธารณะ หรือ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ โดยตำรวจเดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาต่อไชยอมร ขณะที่เขาถูกฝากขังระหว่างสอบสวนที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพ ในคดีจากการร่วมชุมนุมกับคณะราษฎรอีสาน แต่ไชยอมรให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563 กลุ่มนักศึกษา นักกิจกรรม และศิลปินแร็ป เดินทางไป สน.สำราญราษฎร์เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ไชยอมรได้ทำการสาดสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งยืนอยู่หลังแผงเหล็กหน้า สน.สำราญราษฎร์ จนเป็นเหตุให้ถูกตั้งข้อหาและดำเนินคดีตามรายละเอียดข้างต้น

‘เสรีพิศุทธ์’ เตรียมยื่นสอบข้อเท็จจริงกรณีแกนนำราษฎรถูกละเมิดสิทธิในเรือนจำ

สำนักข่าวมติชนออนไลน์ รายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ (17 มิ.ย. 2564) ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าตนจะดำเนินการสรุปรายละเอียดข้อร้องเรียนของ 4 แกนนำคณะราษฎร ได้แก่ พริษฐ์, ปนัสยา, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ที่เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการเมื่อวานนี้ เรื่องการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหายามวิกาล และการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังในเรือนจำ โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะยื่นเรื่องให้สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ดำเนินการต่อ

พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวว่า สิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ควรเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แต่กลับปล่อยปละละเลยในการทำหน้าที่