Skip to main content
sharethis

เฟซบุ๊กประกาศอนุญาต 'เฮทสปีช' ในการเรียกร้องความรุนแรงต่อ "รัสเซียผู้รุกราน" ได้เป็นการชั่วคราว แต่ยังคงห้ามไม่ให้เรียกร้องความรุนแรงต่อพลเรือนของรัสเซีย ทั้งนี้สื่อโซเชียลมีเดียยังได้ทำการบล็อกกลุ่มโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียและแบนแฮกเกอร์เบลารุส ขณะที่สื่อตะวันตกตั้งข้อสังเกตว่าสื่อจีนนำเสนอเน้นส่งเสริมมุมมองจากรัสเซียทั้งที่รัฐบาลพยายามวางตัวเป็นกลาง ด้าน อัยการรัสเซียร้องศาลสั่งบริษัทแม่เฟซบุ๊ก เป็นองค์กรหัวรุนแรง

บริษัท 'เมตา' ที่เป็นบริษัทแม่ของโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กยืนยันเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่าพวกเขาจะอนุญาตผ่อนผันนโยบายต่อต้านเฮทสปีช (วาจาแสดงความเกลียดชังหรือปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังบนฐานของอัตลักษณ์) ชั่วคราว โดยอนุญาตให้ผู้ใช้งานโพสต์เรียกร้องความรุนแรงต่อ "รัสเซียผู้รุกราน" ได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็นยังคงยืนยันห้ามไม่ให้มีการเรียกร้องความรุนแรงต่อชาวรัสเซียที่เป็นพลเรือน

โฆษกเมตาแถลงว่า "สืบเนื่องจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน พวกเราได้ให้อนุญาตเป็นการชั่วคราวต่อการแสดงออกทางการเมืองที่ตามปกติแล้วจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎวาจารุนแรงของพวกเรา เช่น 'รัสเซียผู้รุกรานจงพินาศ' พวกเราจะยังคงไม่อนุญาตให้มีการเรียกร้องความรุนแรงต่อพลเรือนชาวรัสเซีย"

การปรับเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้จะอนุญาตให้มีการโพสต์เกี่ยวกับสงครามยูเครนในเชิงเรียกร้องความรุนแรงโดยวางเป้าเป็นรัฐบาลรัสเซียกับกองทัพรัสเซียได้ ที่ทำเช่นนี้เพราะทางโซเชียลมีเดียมีเจตนาต้องการให้โอกาสชาวยูเครนในการปกป้องประเทศของตัวเองผ่านทางโซเชียลมีเดีย

นับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน เมตากับรัฐบาลรัสเซียต่างก็เริ่มไม่ลงรอยกันมาเรื่อยๆ ในช่วงปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เมตาบอกว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งจากทางการรัสเซีย จากการที่ทางการรัสเซียสั่งให้พวกเขาหยุดระบบการตรวจสอบข้อเท็จจริงของโพสต์ต่างๆ ที่มีองค์กรสื่อรัฐบาลรัสเซียเป็นผู้โพสต์

เมตาเปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าวนี้ทำให้รัสเซียเริ่มใช้วิธีกลั่นแกล้งเฟซบุ๊กด้วยการบีบให้อินเทอร์เน็ตในรัสเซียสามารถเข้าถึงหน้าเว็บเฟซบุ๊กได้ช้าลง

เมตายังได้ลบปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของรัสเซียที่มีการประสานงานกันเพื่อพยายามสร้างอิทธิพลและใส่ร้ายยูเครน มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารเหล่านี้อยู่ทั่วเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมในช่วงปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ทางบริษัทเมตาเปิดเผยว่าปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายชาวรัสเซียในภูมิภาคดอนบัสที่เคยถูกแบนจากเฟซบุ๊กมาก่อนในเดือน เม.ย. 2563

ในช่วงเวลาเดียวกันเมตาก็ได้ค้นเจอและแบนกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับเบลารุสซึ่งแฮกเกอร์กลุ่มนี้พยายามแฮกบัญชีผู้ใช้งานของชาวยูเครนผู้มีความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นสงครามยูเครนไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง

การเปลี่ยนแปลงที่อนุญาตให้ผู้คนเรียกร้องความรุนแรงต่อผู้รุกรานชาวรัสเซียนั้นเกิดขึ้นไม่เกิน 1 สัปดาห์หลังจากที่รัสเซียทำการบล็อกการเข้าถึงเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียอื่นๆ อย่างทวิตเตอร์อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานชาวรัสเซียก็ยังคงสามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียที่เมตาเป็นเจ้าของได้อยู่อีก 2 แห่งคือ อินสตาแกรมและวอตส์แอพ

เมตาแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าพวกเขาพยายามทำให้โซเชียลมีเดียของพวกเขายังคงใช้งานได้ในรัสเซียให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และประกาศว่าจะเลิกโฆษณาที่มีเป้าหมายเป็นผู้คนในรัสเซีย และปิดกั้นไม่ให้ผู้โฆษณาในรัสเซียทำการสร้างหรือดำเนินการโฆษณาของพวกเขาทั้งจากในรัสเซียและในที่อื่นๆ ของโลก

ในประเด็นเกี่ยวกับปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารแล้ว รายงานข่าวของช่องซีเอ็นเอ็นก็ระบุว่า ถึงแม้รัฐบาลจีนจะแสดงตนว่า "เป็นกลาง" ในกรณีรัสเซียบุกยูเครนแต่สื่อในประเทศจีนที่ควบคุมโดยรัฐบาลทั้งหมดที่รายงานข่าวเกี่ยวกับการสู้รบในยูเครนในแบบที่ไม่ได้ "เป็นกลาง" อย่างที่รัฐบาลอ้าง

จากการพิจารณาจากรายงานข่าวตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและโพสต์โซเชียลมีเดียรวมหลายพันโพสต์ ซีเอ็นเอ็นระบุว่าสื่อจีนพยายามช่วยเหลือแพร่กระจายและขยายประเด็นเรื่องเล่าในแบบของรัฐบาลรัสเซียให้กับชาวจีนหลายล้านคนและผู้คนในที่อื่นๆ ได้รับรู้ กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อรัสเซียในช่วงที่สื่อรัฐบาลรัสเซียถูกแบนไม่ให้ออกอากาศในโลกออนไลน์ของตะวันตก

เรียบเรียงจาก : 

อัยการรัสเซียร้องศาลสั่งบริษัทแม่เฟซบุ๊ก เป็นองค์กรหัวรุนแรง

ทั้งนี้ มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างรายงานของอินเตอร์แฟ็กซ์ สื่อท้องถิ่นของรัสเซีย ว่าอัยการรัสเซียได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้บริษัทเมต้า บริษัทแม่ของเฟซบุ๊กเป็น “องค์กรหัวรุนแรง”

นอกจากนี้ อัยการรัสเซียยังเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลการสื่อสารของประเทศให้จำกัดการเข้าถึงอินสตาแกรม ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเมต้าด้วย 

ทาสส์ สื่อท้องถิ่นของรัสเซีย รายงานด้วยว่า ทางการรัสเซียเปิดให้มีการสืบสวนการประกาศยกเว้นดังกล่าวของเมต้าด้วย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net