Skip to main content
sharethis

‘จุลเจิม ยุคล’ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กตอบโต้ผู้ที่วิจารณ์และกล่าวหาว่า รัชกาลที่ 10 ไม่ค่อยทรงงาน โดยระบุท่านทรงงานด้วยวิธีเฉพาะของพระองค์เอง โดยใช้อินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน แอปฯ LINE เป็นผู้ปิดทองหลังพระ ทำงานกลางดึก บรรทมตอนเช้า  

 

17 มี.ค. 65 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ‘เฟซบุ๊ก’ บัญชีส่วนตัว ‘จุลเจิม ยุคล’ ของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โพสต์ข้อความโต้ผู้วิจารณ์กล่าวหาว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาล 10 ไม่ค่อยทรงงาน โดยจุลเจิม ระบุว่า อุปนิสัยของรัชกาลที่ 10 แม้เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบตรัส แต่เป็นคนทรงงานหนัก พร้อมเผยวิธีการทำงานโดยระบุว่า รัชกาลที่ 10 มักมีการประยุกต์เอาเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน มาใช้ ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยทีมหมูป่า ที่ถ้ำนางนอน ณ จังหวัดเชียงราย โดยท่านมีการใช้แอปพลิเคชันแชต LINE ในการสั่งงานเจ้าหน้าที่ของพระองค์ 

ทั้งนี้ นี่ไม่ใช้ครั้งแรกที่มีการออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาว่ารัชกาลที่ 10 ไม่ค่อยทรงงาน ย้อนไปเมื่อปี 24 ก.ค. 63 ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ เคยเผยแพร่บทความชื่อว่า ‘พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงงานหนักเพื่อบ้านเมืองในแบบฉบับของพระองค์เอง’ ในเว็บไซต์สำนักข่าว ‘ผู้จัดการ’ บอกเล่าเรื่องราวการทรงงานของรัชกาลที่ 10 โดยข้อความนั้นมีความคล้ายคลึงกับโพสต์ของจุลเจิม คือเพื่อตอบโต้ผู้วิจารณ์ รัชกาลที่ 10 ไม่ค่อยทรงงานหนัก แต่แท้จริง มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการทรงงาน

รายละเอียดโพสต์ข้อความ

เรื่องที่พสกนิกรคนไทย ในพระราชอาณาจักรนี้ ควรทราบ

คนชอบวิจารณ์กันโดยไม่รู้จริง ว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ ร.10 ไม่ค่อยทรงงาน และข้าพเจ้าก็คิดว่าพระองค์ก็ทรงทราบว่ามีคนกล่าวหาใส่ร้าย แต่ไม่ทรงใส่พระทัยแต่อย่างใด พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงเป็นมนุษย์ปุถุชน อาจจะทรงรู้สึกอะไรบ้าง แต่ด้วยพระขันติธรรมก็พระราชทานเมตตาให้ผู้ที่กล่าวหาว่าร้าย

ในเรื่องที่คนกล่าวหาเล่าลือว่าพระเจ้าอยู่หัว ร.10 ไม่ค่อยทรงงานนั้น ข้าพเจ้าทราบว่าไม่เป็นความจริงเลย แท้จริงทรงงานหนักมาก และทรงงานด้วยวิธีการอันเป็นแบบฉบับเฉพาะของพระองค์

เรื่องนี้ทราบมาตั้งแต่เหตุการณ์หมู่ป่าอคาเดมีติดถ้ำขุนน้ำนางนอน ทรงโปรดให้เจ้าหน้าที่ของพระองค์ไปประจำที่หน้าถ้ำ ทรงให้ถ่ายวีดีโอ ให้ถ่ายรูปขึ้นไปถวาย ให้เขียนรายงานทูลเกล้าถวายตลอดเวลาผ่าน line ทรงหาอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนทรงติดต่อนักดำน้ำและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกด้วยพระองค์เอง และทรงให้คำปรึกษา ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดติดตามทุกระยะด้วยพระองค์เอง ทรงอดหลับอดนอนติดตามเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยพระองค์เอง ตามแบบฉบับของพระองค์ คือ ไม่ทรงต้องการให้ใครทราบว่าทรงงานเรื่องใด ทรงโปรดที่จะเงียบ โปรดที่จะให้เป็นความลับ ไม่ประกาศ ปิดทองหลังพระเงียบที่สุด แม้ผู้ที่ทำงานถวายใกล้ชิด เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในขณะนั้น นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ก็ทราบดีและเทอดทูนพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดอย่างยิ่ง แต่ทุกคนที่ทำงานถวายใกล้ชิดก็ทราบว่าทรงโปรดการทรงงานแบบเงียบที่สุด ไม่ให้เป็นข่าว 

พระเจ้าอยู่หัว ร.10 ทรงใช้อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน อันทันสมัยในการสั่งงาน ในการติดตามงาน (ในขณะที่พวกเราคนไทยจำนวนมากกำลังส่งดอกไม้เจ็ดสี สวัสดีเจ็ดวัน และแชร์ข่าวลือและข้อความอันเป็นเท็จกันให้ว่อน โดยไม่ผ่านการตรวจ และใช้เพื่อความบันเทิงมากกว่าการทำงาน) 

ทรงติดตามงานอย่างใกล้ชิด ทรงจดจำได้ทุกรายละเอียดอย่างแม่นยำ และใส่พระทัยอย่างยิ่ง ทำให้คนทำงานถวายทำงานกันแทบไม่ทัน

เมื่อทรงตื่นจากพระบรรทมก็แทบจะทรงสั่งงานและตามงานในทันที และทรงงานผ่าน line application สั่งราชการคณะองคมนตรี และสำนักพระราชวังหรือส่วนราชการอื่นๆ แทบจะทั้งวัน

ในรัชกาลนี้ ทรงแบ่งและมอบหมายงานให้องคมนตรีแต่ละท่าน ทำงานถวายเป็นด้านๆ ไป องคมนตรีแต่ละท่านมีงานที่ต้องรับผิดชอบทำถวายในภารกิจที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน บางท่านรับผิดชอบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บางท่านรับผิดชอบด้านสาธารณสุข บางท่านรับผิดชอบด้านเกษตร บางท่านรับผิดชอบเรื่องความมั่นคง และบางท่านรับผิดชอบด้านการศึกษา ทรงมอบหมายงานแบบทหาร คือแบ่งงานและให้รับผิดชอบในแต่ละงานอย่างชัดเจน นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยินมา 

พระเจ้าอยู่หัว ร.10 ไม่ทรงชอบตรัส ข้าพเจ้าจำได้ว่าเมื่อคราวสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) ตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) ประพาสสหรัฐอเมริกา และเมื่อสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสกับคนไทยในสหรัฐอเมริกาที่มาเข้าเฝ้า ทรงส่ายพระพักตร์ ด้วยความประหม่า และเขินอาย และมีพระราชกระแสว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่คนพูดเก่งนัก และตรัสเพียงสั้นๆ แล้วทรงให้ขอเชิญเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงต่อไป 

แสดงให้เห็นว่ามีพระอุปนิสัยไม่โปรดที่จะตรัสมากนักมาแต่ไหนแต่ไร

แม้จะไม่ทรงชอบตรัส ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ทรงงานแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามโปรดเขียนและพิมพ์สั่งงาน ติดตามงานด้วยพระองค์เอง ผ่านอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ข้าพเจ้าได้รับฟังมาว่าในบางคราวมีพระราชหัตถเลขาให้องคมนตรีเชิญไปให้ผู้ที่ต้องรับรับสั่งหรือทำงานถวายได้มีโอกาสได้อ่านพระราชดำริในการทรงงานอย่างชัดเจนด้วยตัวเอง 

ในหลวง ร.10 ทรงงานในเวลาเดียวกับ ในหลวง ร.9 คือทรงงานเวลากลางคืนและบรรทมในเวลากลางวัน ไม่ว่าจะประทับที่ประเทศใดก็ตาม ธรรมเนียมการทรงงานในเวลาค่ำคืนของพระเจ้าแผ่นดินนี้สืบทอดกันมาในพระมหาบรมราชจักรีวงศ์ เท่าที่ข้าพเจ้าได้อ่านและได้ศึกษามาด้วยตนเอง เป็นเช่นนี้ย้อนหลังไปอย่างน้อยที่สุดตั้งแต่รัชกาลที่ 4 

ข้าพเจ้าโชคดี ได้มีโอกาสรับฟัง น้องๆ พี่ๆ ที่ทำงานให้องคมนตรีหลายท่าน ได้รับรับสั่งให้ทำงาน ติดตามงาน ได้เล่าให้ฟังว่า ทรงงานหนักมาก และทรงแม่นยำ ติดตาม ใส่พระทัยในงานต่าง ๆ อย่างยิ่ง ทำงานถวายกันไม่ได้หยุดเลย เพราะทรงงานหนักมาก

แบบฉบับการทรงงานเช่นนี้ ทำให้แม้แต่การเขียนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ประชาชนทราบก็เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นการขัดพระราชอัธยาศัยหรือไม่ แต่เนื่องจากมีคนจำนวนมากกล่าวให้ร้ายพระองค์ท่านว่าไม่ทรงงาน ซึ่งอันนี้เป็นข้อความอันเป็นเท็จ เป็นการใส่ร้ายพระองค์ และไม่เป็นธรรมแก่พระองค์ด้วย 

ข้าพระพุทธเจ้าจึงอยากจะเขียน เพื่อให้คนไทย ได้รับทราบความจริง ไม่หลงเชื่อข่าวลือใส่ร้าย และให้คนเหล่านั้นที่ใส่ร้ายพระองค์ได้ทราบความจริงและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net