เยาวชนเปิดใจเล่าเหตุการณ์ทำโพลเมเจอร์ฯ รัชโยธิน วานนี้ (9 พ.ค.) คำถามเดียวกับ 'ไทยรักษา' ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม แต่ถูก รปภ.ดึงกระดาษ และ ตร.พหลโยธินพาออกจากพื้นที่ เจ้าตัวเผยเหมือนถูก จนท.เลือกปฏิบัติ ด้านสื่ออิสระที่ไปรายงานข่าวถูก ตร.ตามถึงบ้าน

10 พ.ค. 2565 วิน (สงวนชื่อ-นามสกุล) นักกิจกรรมเยาวชนอิสระ อายุ 16 ปี และเป็นหนึ่งในผู้ทำกิจกรรมสำรวจความเห็น หัวข้อ "240 ปี ราชวงศ์จักรีปกเกล้าชาวไทย คุณรักและอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับประชาชนไทยตลอดไปหรือไม่" โดยให้ประชาชนผู้สัญจรผ่านไป-มา ใช้สติกเกอร์แปะเลือกคำตอบระหว่าง 'รัก/อยากให้อยู่คู่ประชาชนไทยตลอดไป' หรือ 'ไม่รัก/ไม่อยากให้อยู่' เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) 

นักกิจกรรมอิสระทำโพลที่หน้าห้างเมเจอร์ฯ รัชโยฯ เมื่อ 9 พ.ค. 2565 (ภาพโดย สุรเมธ น้อยอุบล)

กิจกรรมดังกล่าวใช้คำถามและสถานที่เดียวกับกลุ่มไทยรักษา ซึ่งเป็นกลุ่มเทิดทูนสถาบันที่เคยทำโพลสำรวจความเห็นเมื่อ 30 เม.ย. 2565 แต่วานนี้มีกลุ่มนักกิจกรรมอิสระ ประกอบด้วย วิน และเพื่อนอีก 2 คนไปทำกิจกรรม กลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของเมเจอร์ฯ เข้ามาดึงโพลกระดาษ และตำรวจมาเชิญออกนอกพื้นที่

ขณะที่โพสต์ของเพจเฟซบุ๊กไทยรักษา ที่กล่าวถึงการทำกิจกรรมเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2565 กลับไม่มีการระบุว่าถูกรบกวนจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

วิน กล่าวย้อนว่า จุดเริ่มต้นสืบเนื่องจากกิจกรรมสำรวจความเห็นของกลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งวิน เข้าไปดูทางเพจเฟซบุ๊กของกลุ่มไทยรักษา และพบรูประหว่างทำกิจกรรม มีคนติดสติกเกอร์ฝั่ง ‘รัก/อยากให้อยู่คู่ประชาชนไทยตลอดไป’ จำนวนมาก วินและเพื่อนจึงทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน และสถานที่เดียวกัน เพื่อเช็กว่าจะได้ผลลัพธ์ลักษณะเดียวกันหรือไม่

“ผมเลยไปทำบ้างที่เดิม เวลาเดิม อาจจะไม่ใช่วันที่เดิม แต่มั่นใจแน่ๆ ว่า โพลเราเหมือนกันเป๊ะ สติกเกอร์ ปากกาเมจิกสีเดียวกัน หัวข้อเหมือนกัน แม้แต่ฟรอนต์ยังทำคล้ายๆ กันเลย แต่พอเราไปถึง สิ่งแรกที่เราโดน เรายืนถือตรงที่เดียวกับเขา มีคนมาแปะประมาณ 3 คน หลังจากนั้นมี รปภ.พยายามดึงกระดาษของเราแล้ว เราเป็นคนที่พยายามยื้อกระดาษ ไม่ได้ดึงแรงมากจนทำให้กระดาษขาดได้ เราไปกัน 3 คน จนเพื่อนพูดว่า เรามีสิทธิ์ที่จะทำโพล และเขาไม่มีสิทธิ์มากระชาก เพราะมันอาจจะทำให้เกิดการเจ็บตัวได้ เขาเลยยอมปล่อย 

"จากนั้น มีตำรวจ สน.พหลโยธิน มาสกัดเราไว้ และให้เราเคลื่อนตัวออกไปจากเมเจอร์ฯ ตามที่เขาบอก เขาจะให้เรากลับเลยตอนแรก แต่ฝนมันตกหนักมาก เราเลยเลือกจะนั่งรอหน้าเมเจอร์ฯ ซึ่งเรานั่งรอ ตำรวจจากตอนแรกมาประมาณ 4-5 คน มารถกระบะ 2-3 คัน ใส่เกราะ มีปืนพก” วิน กล่าว และระบุว่า ตำรวจไม่ได้มีการพูดจาไม่ดีอะไร เขาพยายามเจรจา แต่วินยืนยันว่าจะทำต่อ 

หลังจากนั้น วินและเพื่อนออกมาถือป้ายตรงหน้าเมเจอร์ฯ และก็หยุดนั่งเฉยๆ พักหนึ่ง เพราะว่าฝนตก หลังจากนั้น พวกเขาเดินไปที่ที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมเคยไปทำด้านนอกเมเจอร์ฯ แต่ว่าวิน สังเกตเห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์ตำรวจขับตามพวกเขา วินเลยเดินกลับไปที่เมเจอร์ฯ เหมือนเดิม และทำกิจกรรมจนกระทั่ง 18.00 น. จึงแยกย้ายกลับ 

วิน เล่าให้ฟังด้วยว่า หลังจากวันนั้นพวกเขายังไม่เจอการคุกคามอื่นๆ จากเจ้าหน้าที่ แต่ในกลุ่มอนุรักษ์นิยม มีการโพสต์ข้อความเชิงข่มขู่เหมือนตั้งใจจะทำร้ายพวกเขา

นอกจากนี้ วิน ระบุด้วยว่า วันนั้นมีสื่ออิสระถูกตำรวจขับรถกระบะตามไปจนถึงบ้าน และถูกถามว่ารู้จักคนที่มาทำกิจกรรมโพลวันนี้หรือไม่ ซึ่งสื่ออิสระตอบว่า ไม่รู้จัก แค่มารายงานข่าวเท่านั้น  

หลังจากนั้น วิน เผยว่าเขาค่อนข้างกลัว และเวลาไปไหนต้องไปเป็นกลุ่มเพราะว่ากังวลว่าตัวเองจะถูกทำร้าย และครอบครัวถูกคุกคาม

"เรากลัวว่าเขาจะเข้ามาหาครอบครัวเรา เราอยู่กับย่าเขาเพียงแค่ 2 คน และเรากลัวเขาทำร้าย หรือว่าอะไรก็ตาม เราเคยโดนข่มขู่รอบหนึ่งแล้ว ว่าเขารู้เขตที่อยู่เรา และเขารู้จริง แต่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น" วิน กล่าว พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมกลุ่มอนุรักษ์นิยมต้องหาว่าเขาล้อเลียน เพราะว่าเขาแค่อยากรู้เฉยๆ และตั้งคำถามแบบเดียวกับเขา 

บรรยากาศการทำโพลที่หน้าห้างเมเจอร์ฯ รัชโยฯ เมื่อ 9 พ.ค. 2565 (ภาพโดย สุรเมธ น้อยอุบล)

วิน กล่าวว่า เขาเตรียมใจถูกจำคุกจากการออกมาตั้งคำถามเดียวกัน และเขารู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเลือกปฏิบัติระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยม และกลุ่มของเขา 

"เราถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำไมเขาไม่มา (ผู้สื่อข่าว - วันที่ไทยรักษาทำกิจกรรม) เขา (ตำรวจ) บอกว่าเขาอยู่คนละเวร มันอาจจะไม่ใช่เวลาเดียวกัน แต่ไม่ทราบว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐเป็นยังไง แต่เชื่อว่าเขามากันเกือบทั้ง สน. จะไม่มีสักคนที่เขามาอยู่ในวันนั้นเลยเหรอ และวันนั้น (กลุ่มไทยรักษา ทำกิจกรรม) ตำรวจไม่มา เมเจอร์ฯ ไม่ขวาง และพวกเราแค่ยืนยันสิทธิ์ของเราเฉยๆ เมื่อเขาไม่ได้โดนตำรวจมา และทำไมเราถึงโดน ผมเชื่อว่าเพราะเราอยู่คนละฝั่งกับเขามากกว่า" นักกิจกรรมเยาวชนกล่าว 

สุดท้าย นักกิจกรรมอิสระกล่าวถึงการถอนประกันนักกิจกรรมที่ออกมาทำโพล และต้องถูกฝากขังว่า อยากให้เจ้าหน้าที่รัฐเอาใจเขามาใส่ใจเราว่า ถ้ากระบวนการตัดสินคดียังไม่ถึงที่สุด แต่ต้องคนที่ใกล้ชิดถูกฝากขัง แล้วพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร

"อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐว่าถ้าคนที่ผูกพันใกล้ชิดของคุณ โดนอุ้ม หรือพาเข้าคุกไป โดยยังไม่ตัดสินคดี แต่อยู่ระหว่างการตัดสิน และจำเป็นต้องฝากขัง และคุณได้เจอเขาแค่ 2 ครั้งต่อเดือน ผ่านวิดีโอคอลด้วย คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยเหรอ"

"ผมด้วยความที่เป็นเยาวชนผมมีโอกาสที่จะเข้าสถานพินิจ หรือไม่ก็อาจจะยกฟ้อง แต่เพื่อนผมบรรลุนิติภาวะหมดแล้ว ผมมั่นใจว่าถ้าเขาโดนเข้าคุก ผมคงออกมาสู้สุดตัว เพราะพวกเขาสำคัญต่อผมมากๆ เหมือนครอบครัวเดียวกันจนตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่จะต้องเห็นวันที่พวกเขาโดนอุ้ม หรือพาไปเข้าคุก” วิน กล่าวทิ้งท้าย