แอมเนสตี้ฯ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ผบ.ตร.เร่งรัดคดีของ “วาฤทธิ์” ที่ถูกยิงในชุมนุมที่หน้าสน.ดินแดงเมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว ล่าสุดคดียังไม่ถึงศาล อัยการยังรอสำนวนที่สั่งสอบสวนเพิ่มจากตำรวจดินแดงหลังเตือนไป 5 ครั้งและจะครบกำหนดส่งสำนวนคืนอัยการพรุ่งนี้
20 มิ.ย.2565 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยออกจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรีนกร้องให้เร่งรัดในการสอบสวนการเสียชีวิตของวาฤทธิ์ สมน้อย อายุ 15 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการร่วมชุมนุมที่บริเวณ สน.ดินแดง เมื่อ 16 ส.ค.2564 เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
(ต่อ) ภาพจากกล้องวงจรปิด กทม. เผยวินาทีเด็กชายวัย 15 ปีถูกยิงหน้า สน.ดินแดง
ลูกศรสีเขียว คือทิศทางที่เด็กชายวิ่งมา
ลูกศรสีแดง คือวิถีกระสุน ยิงเข้าท้ายทอยเหยื่อ กระสุนมาจากซอยหน้า สน.ดินแดง#สนดินแดง #ม็อบ16สิงหา #ม็อบ16กันยา pic.twitter.com/PdU0SZriPT— พรรคก้าวไกล - Move Forward Party (@MFPThailand) September 17, 2021
วิดีโอ CCTV หน้าสน.ดินแดงขณะเกิดเหตุ
ในจดหมายระบุถึงความคืบหน้าล่าสุดว่าทางตำรวจสน.ดินแดงได้ส่งสำนวนคดีให้กับพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 แล้วแต่ทางอัยการได้ส่งสำนวนกลับให้ตำรว0ทำการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น อย่างไรก็ตามทางอัยการได้แจ้งกับครอบครัวและทนายความเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2565 ว่าทางอัยการได้ทำหนังสือเตือนไปถึงตำรวจสน.ดินแดงถึง 5 ครั้ง ซึ่งกำลังจะครบกำหนดที่จะต้องส่งสำนวนกลับมาให้ทางอัยการในวันพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.)
แอมเนสตี้ฯ มีข้อเรียกร้องต่อ สตช.และสน.ดินแดง ที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน 3 ข้อดังต่อไปนี้
ให้สถานีตำรวจนครบาลดินแดงส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมให้กับอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เพื่อให้มีการสอบสวน สืบสวน ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม รวมทั้งชี้แจงกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความรับผิดและหลักความจำเป็นและได้สัดส่วนของเจ้าหน้าที่และ คุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายที่เป็นเด็กเเละครอบครัวของผู้เสียหายอย่างเเท้จริง
ประสานงานให้คุ้มครองสิทธิที่จะเข้าถึงและได้รับการเยียวยาครอบครัวผู้เสียหายจากรัฐผ่านกระบวนการยุติธรรมอย่างรวดเร็ว และรายงายความคืบหน้าของกระบวนการอย่างต่อเนื่องให้กับญาติผู้เสียหายและทนาย
เรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาและปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะแนวทางการประกาศใช้ข้อกำหนดและการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยกเลิกบทบัญญัติที่ส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อประกันความรับผิดและการเยียวยาให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้ง การปรับปรุงหลักการในพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และคู่มือการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติ การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ให้สอดรับคล้องกับหลักการระหว่างประเทศโดยเฉพาะ ความเห็นทั่วไปฉบับที่ 37 ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และสองคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
หลังเกิดเหตุ จากการติดตามข้อมูลกล้องวงจรปิดโดย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์และ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ในฐานะคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เปิดรายงานของ ซึ่งการเปิดเผยหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดทำให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์(ซ้าย) และ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ (ขวา) ขณะกำลังอธิบายถึงภาพของกลุ่มชายฉกรรจ์คล้ายผู้ก่อเหตุยิงเด็ก 2 คนในบริเวณรั้ว สน.ดินแดงหลังเกิดเหตุในคืนวันที่ 16 ส.ค.2564
ในการแถลงข่าวครั้งนั้นกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ธนพล เยาวชนอายุ 14 ปี อีกคนที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายขณะขี่จักรยานยนต์มารับเพื่อนในที่ชุมนุมขณะผ่านบริเวณปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 ธนพลถูกยิงด้วยกระสุนจริงทะลุไหล่
นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ของวาฤทธิ์ เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงโดยกลุ่มชายฉกรรจ์บนฟุตปาธบนถนนมิตรไมตรีช่วงหน้าสน.ดินแดงและขณะเกิดเหตุยังมีวิดีโอที่ถ่ายเห็นภาพบุคคลยิงปืนออกมาจากด้านในสน.ดินแดงโดยที่ไฟส่องสว่างของอาคารสถานีดับอยู่
ทางคณะทำงานฯ ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากภาพกล้องวงจรปิดทำให้เห็นเส้นทางในการเข้าออกพื้นที่ก่อเหตุซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน นอกจากนั้นทางคณะทำงานฯ ยังระบุอีกว่า หลังเกิดเหตุทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ยังพบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งปรากฏตัวในบริเวณข้างในรั้วของ สน.ดินแดง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับผู้ก่อเหตุยิงเยาวชนทั้ง 2 คนด้วย
เมื่อมีการเปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดจากทาง กมธ. ราวสองสัปดาห์ 30 ก.ย.2564 กองบัญชาการตำรวจนครบาลแถลงข่าวการจับกุมชุติพงษ์ ทิศกระโทก หรือแบงก์ อายุ 28 ปี 1 ในผู้ต้องหาได้ตามหมายจับที่ศาลอาญาออกให้เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2564 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่า, ยิงปืนในเมืองและหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากชุติพงษ์หลบหนีจากที่พักย่านดินแดงไปอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีกว่า 1 เดือน
ชุติพงษ์ ทิศกระโทก ภาพจากแฟนเพจ Police TV
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าเป็นคนเดียวกับที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิด ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้และรายอื่นๆ ที่ร่วมกันกระทำผิดอีก 3-4 คน
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ในฐานะรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) และรองโฆษกตอบปฏิเสธว่าทางตำรวจไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุหลังมีนักข่าวตั้งคำถามในการแถลงข่าวว่าผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจอย่างไรหรือไม่