Skip to main content
sharethis

สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือยื่นหนังสือถึง รมว. ทรัพยากรฯ จี้เอาเข้าคุยผู้นำนานาชาติ เวทีเอเปคป่าไม้ ปลัดกระทรวงฯ รับเรื่อง ย้ำดำเนินการตามกฎหมาย ไม่คุยเรื่อง “ฟอกเขียว”

23 ส.ค. 2565 เวลา 09.30 น. สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ หรือ สกน. ในนามเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายและนโยบายด้านป่าไม้-ที่ดิน จำนวนประมาณ 20 คน เดินทางไปที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ ยื่น 7 ข้อเรียกร้องแก้ปัญหาที่ดิน-ป่าไม้ ถึง วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้นำเข้าที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดการประชุมในระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค. นี้ โดยมี จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนรับหนังสือ

ถาวร หลักแหลม ผู้แทน สกน. กล่าวว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ ในระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค. 2565 นั้น สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ในนามเครือข่ายประชาชน เกษตรกรรายย่อย และกลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายและนโยบายด้านการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของรัฐไทย ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐและเอกชน มีความห่วงกังวลต่อการประชุมดังกล่าว

“เนื่องจากเป็นการประชุมที่จะมีแถลงนโยบายด้านเดียวโดยรัฐบาลไทย ซึ่งประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ได้มีส่วนร่วม โดยที่ผ่านมาแม้นจะมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขปัญหามาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับและได้รับแก้ไขปัญหาตามเท่าที่ควร ซ้ำร้ายยังปรากฏการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์ การละเมิดสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น” ถาวรกล่าว

โดยข้อเรียกร้องในหนังสือมีทั้งสิ้น 7 ข้อ ดังนี้

1.เราขอยืนยันหลักการ “สิทธิชุมชน” ในการจัดการที่ดินและทรัพยากร ตามหลักการแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน

2.ให้เร่งออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีความที่เกี่ยวกับปัญหาไม้และที่ดินอันเกิดจากการดำเนินการตามนโยบายรัฐ ทั้งนี้เพื่อเยียวยาแก้ไขประชาชนที่ได้ผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าในยุครัฐบาลเผด็จการทหาร และในระหว่างรอการออกกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ดังกล่าว ขอให้ยุติการดำเนินคดีชาวบ้านและเยียวยาประชาชนให้ได้รับความธรรม โดยให้สามารถกลับไปทำกินในที่ดินเดิมของตนเองได้ และห้ามนำที่ดินที่ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมเข้าสู่กระบวนการปลูกป่าค้าคาร์บอนเครดิตโดยเด็ดขาด

3.ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ. 2562, พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่ออกมาในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้ร่างกฎหมายดังกล่าวโดยชุมชน บนหลักการคนอยู่กับป่า ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์อย่างสมดุล

4. ให้เดินหน้าธนาคารที่ดินและกลไกภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า ตามเจตนารมณ์ของภาคประชาชน เพื่อตอบโจทย์การกระจายการถือครองที่ดินสู่มือเกษตรกรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

5. หยุดแนวนโยบายการ “ฟอกเขียว” (การดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงเพื่อที่จะไม่ต้องแก้ปัญหาหรือเบี่ยงเบนปัญหา) ข้ออ้าง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แล้วมาแย่งยึดที่ดิน ปลูกป่าทับที่ทำกินของชุมชน และจงหยุดโครงการที่อ้างว่าเป็นการพัฒนาของรัฐและเอกชนทั้งหมดที่เข้ามาแย่งยึดทรัพยากรชุมชนท้องถิ่น ซึ่งกำลังทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยทันที

6. หยุดนโยบายมาตรการห้ามเผาอย่างไร้สติปัญญา เหมารวมการใช้ไฟตามความจำเป็นของนิเวศวัฒนธรรมไร่หมุนเวียนตามปรกติฤดู โดยที่ไม่เคยมีมาตรการใดๆ กับภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ หรือแหล่งกำเนิดมลพิษใหญ่ และไม่เคยมีมาตรการดูแลชุมชนชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบมาตรการประจำฤดูของรัฐ

7. ให้รัฐไทยปฏิบัติตามปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง และขอให้สนับสนุนโดยการเร่งรัดในนายกรัฐมนตรีลงนามรับรอง “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง (ฉบับประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย 16,559 รายชื่อ) โดยรัฐไทยจะยอมรับ “หลักการคุ้มครองพื้นที่วัฒนธรรม” และการดำรงอยู่ของ “ชนเผ่าพื้นเมือง” ในร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย


 

ด้าน จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จะรับข้อเรียกร้องไว้หารือ หากไม่ติดขัดข้อกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามยังไม่รับปากว่าจะสามารถนำเข้าพูดคุยในการประชุมเอเปคป่าไม้ตามที่ประชาชนร้องขอได้หรือไม่ และยืนยันว่าไม่ได้จะมีการพูดคุยเรื่องการฟอกเขียวในเวทีดังกล่าว


 

ก่อนจบกิจกรรม สกน. ได้แขวนป้าย 7 ข้อเรียกร้อง ในหัวข้อ “จากเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบด้านป่าไม้-ที่ดิน ถึง เอเปค (Thai Peasant & Indigenous Victims’ voice to APEC)” ไว้ที่หน้าโรงแรมเลอ เมอริเดียน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net