Skip to main content
sharethis

ผบ.ทอ.ขอกมธ.งบ ผ่านงบ F-35A ย้ำจัดซื้อโปร่งใส ไม่มีนอก-มีใน ยอมรับผ่านสภาคองเกรส ไม่ง่าย แต่มีโอกาสลุ้น เผยทอ.สหรัฐฯ หนุนเต็มที่ ระบุหากสหรัฐฯไม่ขาย ยินดีคืนงบฯ ด้าน 'อดีตทหารอากาศ พรรคก้าวไกล' ชี้ ทอ. ควรได้ยินความลำบากของประชาชนบ้าง อย่าดึงดันซื้อบินรบ

 

2 ส.ค.2565 ความคืบหน้ากรณีการจัดซื้อจัดหาโครงการเครื่องบิน F-35A หลังถูกคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร ตัดออกจากงบงบประมาณปี 2566 นั้น สื่อหลายสำนัก เช่น เนชั่น, ข่าวสดออนไลน์ และ INN ฯลฯ รายงานตรงกันว่า วันนี้ (2 ส.ค.65) ที่กองบิน 41 กองทัพอากาศ จ.เชียงใหม่ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวที่ได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ซึ่งจะเข้ากมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ในวันนี้ ว่า ประชาชนมุ่งหวังเห็นสิ่งสำคัญ 3 ประการ คือ 1.กองทัพซื้อของดีมีประสิทธิภาพใช้งานได้นาน คุ้มค่า คุ้มราคากับภาษีประชาชน

2. การซื้อต้องไม่มีการคอร์รัปชั่น หมายถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้นำเหล่าทัพไม่มีผลประโยชน์ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง เงินทุกบาททุกสตางค์ต้องใช้อย่างคุ้มค่ากับโครงการเท่านั้น และ 3. การจัดซื้อจะต้องสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างเต็มที่ทั้งทางตรง ก่อให้เกิดความมั่นคงของชาติ และทางอ้อม คือ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคน พัฒนาองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ

ทั้งนี้ โครงการจัดซื้อเครื่องบิน F-35 A ที่กองทัพอากาศ(ทอ.) เสนอ ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ เพราะถูกตัดงบ และเครื่องบิน F-35 A ถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินรบที่ดีที่สุดของโลก ใช้กับอาวุธได้หลายอย่าง รวมถึงอาวุธที่ทอ.มีใช้ในปัจจุบัน จึงไม่จำเป็นต้องจัดซื้ออาวุธเพิ่มเติม อีกทั้งการซื้อเครื่องบิน จะประหยัดงบ และในอนาคต หากมีอาวุธใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพก็สั่งซื้อเพิ่มเติมได้ โดย F-35 ถูกออกแบบมาให้รองรับกับอาวุธใหม่ๆ

พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวต่อว่า ทอ.จัดซื้อ โดยแบบวิธีความช่วยเหลือทางการทหาร (FMS) ซึ่งจัดซื้อเจรจาระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล จึงมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่มีนอก ไม่มีใน ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ นับเป็นกระบวนการจัดซื้อที่เป็นแบบอย่างที่ประชาชนต้องการ ทั้งนี้ การไปเจรจา รัฐบาลไม่สามารถไปแบบมือเปล่าได้ จะต้องมีความพร้อมเรื่องงบ และแผนดำเนินการที่สมบูรณ์ เพื่อให้ผู้ขายเห็นความพร้อม

พูดง่ายๆ เราไม่สามารถเดินตัวเปล่าเข้าไปซื้อได้และ ทอ.เคยจัดซื้อในรูปแบบดังกล่าวมาแล้ว คือเครื่องบิน F-16 ซึ่งอยู่ยงคงกระพันใช้งานมาเกือบ 40 ปี และเป็นเครื่องบินรบหลักของทอ. ดังนั้น หากเครื่องบิน F-35 A ผ่านการอนุมัติ เราใช้งานไปอีก 35-40 ปีเช่นเดียวกัน ย้ำว่า F-35 A เป็นเครื่องบินล้ำสมัย เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่เราไม่เคยมีมาก่อน จะเกิดการศึกษาเรียนรู้ การถ่ายโอนเทคโนโลยีเพิ่มเติม ถือว่าเป็นประโยชน์ในการพัฒนาคนและงาน รวมถึงความมั่นคงของชาติด้วย

“ดังนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากมธ.งบปี 66 จะเล็งเห็นถึงองค์ประกอบที่สำคัญดังกล่าว และกรุณาสนับสนุนโครงการสำคัญนี้ของทอ.ด้วย ย้ำว่าขอให้ประชาชนเชื่อใจ ในความซื่อสัตย์และซื่อตรงและทอ.ได้ทำตามภาระหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว” พล.อ.อ.นภาเดช กล่าว

มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า  ผบ.ทอ. ได้กล่าวสำทับ ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ ไว้ว่า “หากในที่สุด แล้วสภาคองเกรส ของสหรัฐฯ ไม่ขาย F35 A ให้เรา ทอ. พร้อมจะคืนงบประมาณ”

'อดีตทหารอากาศ พรรคก้าวไกล' ชี้ ทอ. ควรได้ยินความลำบากของประชาชนบ้าง อย่าดึงดันซื้อบินรบ F-35A

ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตลาดพร้าว วังทองหลางพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงผลกระทบกรณีการเลื่อนโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน หลังจาก กมธ. ตัดงบประมาณจัดซื้อ "F-35 A" ว่า ปัจจุบันกองทัพอากาศมีเครื่องบินขับไล่โจมตี 5 ฝูงบิน โดยได้ปรับปรุงขีดความสามารถของอากาศยานที่มีอยู่ เพื่อให้ดํารงขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจเอาไว้

ธนเดช ระบุว่า ตนในฐานะอดีตทหารอากาศ ตระหนักและเข้าใจดีถึงความสำคัญของการจัดเตรียมกําลังให้มีขีดความสามารถและศักย์กําลังรบพร้อมรับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ การจัดซื้ออาวุธหรือฝูงบินรบที่ทันสมัยอย่าง F-35A  ที่กำลังเป็นข่าวก็เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ควรอยู่บนยุทธศาสตร์ที่มีการวางแผนอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดและสามารถตอบคำถามประชาชนได้ ไม่ใช่จัดซื้อเพราะได้ลดราคา

ที่สำคัญคือตอนจะซื้อก็ทำตัวลับๆล่อๆ กรณี F-35A นี้ ถ้าจำกันได้ ในเดือนมกราคมก็ผ่านเข้าครม. ทั้งที่ประชาชนกำลังอยู่ในช่วงข้าวยากมากแพง แถมยังโดนผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซีย- ยูเครน ที่ยืดเยื้อ ทำให้ราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ปุ๋ย อาหารสัตว์แพงไปหมด ส่งผลให้ค่าครองชีพต่างๆก็แพงไปด้วย มีหลายครอบครัวครับที่ถึงกับต้องให้ลูกหลานออกจากโรงเรียนกลางคัน และมีการประเมินกันว่า ตัวเลขในปีนี้อาจมีเด็กที่เสี่ยงหลุดออกจากการศึกษาถึงล้านคน แทนที่ท่านจะเอาเงิน 7,400 ล้านบาทก้อนแรกที่ท่านจะใช้ ไปทำในสิ่งที่จำเป็นเฉพาะหน้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือเด็กๆ กองทัพควรตระหนักได้ว่าทรัพยากรมนุษย์นี่ล่ะคือความมั่นคงในอนาคตของจริง แต่ท่านกลับเอาแต่งอแงเหมือนเห็นของเล่นใหม่ 

ล่าสุด เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณางบประมาณ 66 ของสภาในวาระแรก เมื่ออนุ กมธ.มีมติตัดงบออกทั้ง 2 ลำ 7,400 ล้าน ก็มีการแถลงว่าการจัดซื้อครั้งนี้มีความจำเป็น

ในฐานะประชาชนผมเห็นด้วยกับ อนุกมธ.และเห็นว่ากองทัพควรจัดลำดับความสำคัญในเวลานี้ใหม่ ควรเห็นความลำบากของพี่น้องประชาชนมาเป็นลำดับแรก อดทนอีกสักหน่อย ให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกว่านี้แล้วเสนอมาใหม่ก็ยังทำได้ เชื่อว่าจะสมเหตุสมผลในการของบประมาณส่วนนี้

นอกจากนี้หากกองทัพอากาศอยากซื้ออาวุธใหม่ๆ ควรต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเชื่อถือต้องอย่ามาทำลับๆล่อๆ ทำแผนปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจัง โดยบอกประชาชนให้ชัดๆว่าจะลดจำนวนกำลังพลอย่างไร ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารเมื่อไหร่ 
เลิกเป็นกองทัพพาณิชย์แล้วส่งมอบที่ดินธนารักษ์รวมถึงผลประโยชน์อื่นๆนอกงบประมาณกลับเข้าคลังให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึงเวลานั้นจะของบประมาณซื้ออาวุธแบบไหน ผมเชื่อว่าประชาชนจะไม่กังขา แต่หากกองทัพยังไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้ อย่ามาขอภาษีประชาชนไปใช้แบบไร้ประโยชน์อีกเลย ธนเดช ทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net