Skip to main content
sharethis

ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) แจงกรณีประชุมลับกับหน่วยงานของกองทัพ เสนอตั้ง ‘โครงการกองทุนดำเนินคดีมาตรา 112’ ระบุเจตนาเพื่อนำงบฯ ช่วยเหลือค่าอาหาร-น้ำมันเวลาไปศาล แต่ยังไม่มีการอนุมัติ ยกเลิกก่อน 

 

5 ก.ย. 2565 อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. ซึ่งเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวผ่านถ่ายทอดสดออนไลน์เมื่อ 4 ก.ย. 2565 บนเพจเฟซบุ๊ก ‘Nopadol Prompasit’ เพื่อชี้แจงกรณีการออกแถลงการณ์เมื่อ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยในแถลงการณ์มีการระบุถึงการตั้งกองทุนดำเนินคดี มาตรา 112 การเรียกร้องให้กองทัพไทยยกระดับมาตรการปกป้องสถาบันมหากษัตริย์มากขึ้น และขอช่วยคุ้มครองกลุ่ม ศปปส. ระหว่างทำกิจกรรมที่อาจสุ่มเสี่ยงต่ออันตราย

แถลงการณ์ของกลุ่ม ศปปส. เมื่อ 3 ก.ย. 2565 (ที่มา: เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน)

เอกสารแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว มีข้อความบางส่วนระบุว่า เรื่องที่ 2 สืบเนื่องจากมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานของทหารกองทัพไทยกับกลุ่มปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ภาคประชาชน อาทิ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ฯลฯ ซึ่งผู้ประสานงานฝ่ายทหารได้นำเรียนในที่ประชุมว่า ถ้ากลุ่มปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ภาคประชาชนใดมีโครงการที่เป็นประโยชน์ก็เสนอโครงการนั้นๆ มาให้ในที่ประชุมพิจารณา ซึ่งทางประธานกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้เสนอโครงการ, ข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้องต่อที่ประชุมดังนี้ 

  1. โครงการจัดตั้งกองทุนในการดำเนินคดีมาตรา 112 
  2. โครงการช่วยเหลือเด็กตามชนบทห่างไกลและ/หรือตามตะเข็บชายแดน 
  3. เรียกร้องให้ทหารออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์กันอย่างชัดเจน และเข้มข้นขึ้น มี ACTION มากขึ้น
  4. ในการออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของภาคประชาชนแต่ละครั้งค่อนข้างที่จะมีอันตราย ดังนั้น จึงร้องขอให้ทหารออกมาช่วยปกป้อง คุ้มกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน 

ท้ายที่สุดนี้ ศปปส. มีข้อกังขาดังนี้ 

  1. การประชุมในครั้งนั้นเป็นการประชุมลับ แต่ทำไมคนนอกถึงรับรู้วาระการประชุมในครั้งนั้น 
  2. โครงการที่ ศปปส. เสนอต่อที่ประชุม ประธาน ศปปส. ได้แจ้งว่าทุกโครงการมีค่าใช้จ่ายซึ่งต้องอาศัยงบประมาณในการขับเคลื่อน กลับปรากฏว่ามีการนำไปกล่าวหา พูดถึง ศปปส. ในทางเสื่อมเสียว่า ศปปส.เรียกร้องแต่เรื่องเงินในที่ประชุม

ด้วยข้อกล่าวหาทั้ง 2 ข้อข้างต้น ทำให้ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม อีกทั้ง ยังมีความพยายามทุกวิถีทางที่จะกัน ศปปส. ไม่ให้เข้าชี้แจงกับผู้ใหญ่ที่กองทัพไทย ศปปส.จึงต้องขอความเป็นธรรมผ่านทางแถลงการณ์ฉบับนี้ 

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2565 ทางกลุ่ม ศปปส. ได้ออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆ เพิ่มเติมผ่านไลฟ์สดบัญชีเฟซบุ๊ก ‘Nopadol Prompasit’ โดยระบุว่า วันนั้นมีการเชิญกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันไปประชุมในกองทัพไทย และบอกว่ามันเป็น “เรื่องลับ” มีผู้ประสานงานคนหนึ่งแจ้งมาทาง ศปปส.ว่า “ถ้าพี่มีโครงการอะไรดีๆ ให้เสนอผู้บังคับบัญชาไป” 

อานนท์ ระบุต่อว่า เขาได้ปรึกษากับทีมงาน และมีการเสนอโครงการรวม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดตั้งกองทุนในการดำเนินคดีมาตรา 112 เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าอาหาร และเป็นค่าน้ำมันรถสำหรับเดินทางไปศาลของสมาชิก 

โครงการที่ 2 คือโครงการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนตามตะเข็บชายแดน หรือพื้นที่ห่างไกล และสุดท้าย คือให้กองทัพมาช่วยดูแลเวลาที่กลุ่ม ศปปส.ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี 

อย่างไรก็ตาม อานนท์ ระบุว่า โครงการที่เสนอไปสุดท้ายก็ถูกยกเลิกหมด โดยไม่มีคำชี้แจงเรื่องนี้แต่อย่างใด 

“ทำไปทำมา โครงการยกเลิกหมดเลย ไม่ได้อะไรทั้งนั้น” อานนท์ ระบุ และกล่าวว่า ทาง ศปปส.ยังคงทำกิจกรรมแจ้งความดำเนินคดี ม.112 กับกลุ่มหมิ่นสถาบันฯ ด้วยตัวเองต่อไป 

อานนท์ ชี้แจงต่อกรณีการปราศรัยของ ‘ไบร์ท’ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมอิสระ จากจังหวัดนนทบุรี ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ว่ากลุ่ม ศปปส. ไปของบประมาณจากกองทัพบก เพื่อที่จะเอามาปราบปรามคนทำผิดมาตรา 112 นั้น ‘ไม่ใช่’ 

อานนท์ กลิ่นแก้ว ระบุว่า เขาตั้งใจคิดโครงการนี้เพื่อช่วยเรื่องค่าอาหาร และค่าน้ำมัน ไม่ใช่การปราบปรามคนทำผิดมาตรา 112 และระบุด้วยว่าไม่เกี่ยวกับกองทัพ เป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งภายหลังโครงการทั้งหมดถูกยกเลิกไปแล้ว

“เราไม่ได้รับกองทุนพวกนี้มา อะไรเราก็ไม่ได้สักอย่าง ทุกวันนี้เราดำเนินการด้วยภาคสังคมของพวกเราเอง” ประธาน ศปปส. ระบุ

ทั้งนี้ ทางกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันไม่ได้ระบุในไลฟ์สดว่าประชุมกับหน่วยงานทหารของกองทัพเมื่อวันที่เท่าไร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net