พลเมืองโต้กลับ จัดกิจกรรม 'ยืน หยุด ขัง' เป็นเวลา 1.12 ชม. ร้องสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องหาทางการเมือง พร้อมคุยกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมถึงความเห็นต่อคดี ‘นิว’ จตุพร แซ่อึง ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด ม.112 ลงโทษจำคุก 2 ปี จากการใส่ชุดไทยร่วมม็อบ 23 ต.ค. 2563

12 ก.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อ 16.00 น. ลานอากง หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนิน กลุ่มพลเมืองโต้กลับ (Resistant Citizen) นำโดย พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ‘ยืน หยุด ขัง’ ครั้งที่ 120 ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้ผู้ถูกคุมขังทางการเมือง และยกเลิกการใช้มาตรา 112 

บรรยากาศการทำกิจกรรม

ทั้งนี้ พลเมืองโต้กลับ จัดกิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง’ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 17.30-18.42 น. รวมเป็นเวลา 1.12 ชั่วโมง (ชม.) เวลาเดิมเป็นประจำทุกวัน 

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ‘นิว’ จตุพร แซ่อึง นักกิจกรรมรุ่นใหม่ จากจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 2 ปี (เดิม 3 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์จึงปรับลดลงมา) พร้อมปรับเงิน 1,000 บาท ไม่รอลงอาญา จากกรณีใส่ชุดไทย เข้าร่วมการเดินแฟชั่นโชว์ในม็อบ แคตวอล์กราษฎร บริเวณหน้าวัดแขก ถนนสีลม เมื่อ 23 ต.ค. 2563 

ไพศาล จันปาน คนขับแท็กซี่ อายุ 49 ปี และเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง’ ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นว่า กระบวนการยุติธรรมตอนนี้โหดเหี้ยมอำมหิต และ ‘นิว’ จตุพร ไม่ควรถูกศาลตัดสินจำคุกแต่แรก เพราะไม่เคยไปฆ่าใคร และการแต่งชุดไทยของนิวนั้น ไม่เคยระบุว่าเขาแต่งเป็นใคร แต่ศาลกลับตีความว่าอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือว่าเป็นความเลวร้ายเกินไป 

นอกจากนี้ ไพศาล ถามด้วยว่า หากศาลตีความแบบนี้ ละครจักรๆ วงศ์ๆ ทั้งหมด ที่แต่งกายตามกษัตริย์ ถือว่ามีความผิดด้วยหรือไม่

“ถ้าเขา (ศาล) มีความยุติธรรม เราไม่ต้องมายืนตรงนี้ …เราต้องการสิทธิการประกันตัว สิทธิการปล่อยนักโทษการเมือง เขาไม่ได้เป็นอาชญากรสงคราม ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่ได้ลักเล็กขโมยน้อย ไม่ด้ไปปล้นชิงใคร ไม่ได้ไปข่มขืน ไม่ได้ไปละเมิดใคร” ไพศาล ทิ้งท้ายเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้นักโทษการเมือง

ไพศาล จันปาน คนขับแท็กซี่ วัย 49 ปี

ก้อย (นามสมมติ) หญิงวัยกลางคนที่มาร่วมยืนเป็นเวลา 1.12 ชม. มองว่า การที่นักกิจกรรมจากจังหวัดบุรีรัมย์ ถูกดำเนินคดี ม.112 จากการใส่ชุดไทย ไม่น่าจะเป็นการหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ไม่ควรต้องติดคุก และม็อบที่นิวไปร่วม มันเป็นเหมือนงานแฟนซี งานรื่นเริง เขาก็แต่งไปร่วมตามความคิดเขา 

ก้อย ระบุต่อว่า การที่เอานักกิจกรรมไปติดคุกเพียงแค่ใส่ชุดไทย ไม่ควรอย่างยิ่ง และไม่เข้าใจว่าผู้พิพากษาตัดสินอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะว่าฆ่าคนตายยังได้รับการประกันตัว เจตนายิงยังได้รับการประกันตัว 

“เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม เราถึงต้องออกมายืนกันใช่ไหมคะ มันไม่ถูกที่เราจะปล่อยให้สังคมเป็นแบบนี้ เด็กๆ ที่เป็นหัวกะทิของประเทศเราไปอยู่ในคุก นอกจากอยู่ในคุกแล้วพอออกมาแล้ว ไปติดคุก 3 เดือน 6 เดือน ไล่ติดกำไล EM ไม่ให้ออกจากบ้าน มันถูกเหรอ” ก้อย ระบุ

ด้าน พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ จากกลุ่มพลเมืองโต้กลับ มองว่า ถ้าดูจากกิจกรรมที่เขาจัดวันนั้น เขาเชื่อว่า เป็นแต่งชุดไทยล้อเลียนราชินี แต่การ ‘ล้อเลียน’ มันไม่มีโทษตามกฎหมายมาตรา 112 

พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พลเมืองโต้กลับ

อีก 3 วันที่จะมีการตัดสินอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวของ ‘นิว’ จตุพร โดยพันธ์ศักดิ์ มองว่า เรื่องสิทธิการประกันตัว มันเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา เพราะเป็นระบบกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาควรจะได้รับสิทธิออกมารวบรวมหลักฐานเพื่อต่อสู้คดี การให้ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในเรือนจำ เหมือนบีบให้เขาแพ้คดี ไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างถนัด 

"ศาลต้องทบทวนตัวเองใหม่ด้วยว่าการประกันตัวเป็นสิทธิที่จะต้องหยิบยื่นให้กับนักโทษทางการเมือง และนักโทษคดีที่ไม่ได้อุกฉกรรจ์ และก็ไม่มีทางไปยุ่งพยานหลักฐาน หรือไปข่มขู่พยานอะไรได้เลย" พันธ์ศักดิ์ กล่าว

หลังจากเวลา 18.42 น. พันธ์ศักดิ์ อ่านข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดีมาตรา 112 ต่อผู้ถูกกล่าวหา และการยื่นขอประกันตัวในหลายคดี หลังจากนั้น พันธ์ศักดิ์ ให้ผู้ร่วมกิจกรรมชู 3 นิ้ว และหันหน้าไปทางศาลฎีกา และตะโกนว่า "ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112" จำนวน 3 รอบ ก่อนยุติการทำกิจกรรม

ภาพขณะทำกิจกรรมปิดท้าย ชู 3 นิ้ว พร้อมตะโกนว่า "ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112"

ภาพบรรยากาศ