วลพ. มีคำสั่ง สภาทนาย - เนติบัณฑิตฯ แก้กฎระเบียบ ให้ 'ทนายหญิง' สวมกางเกง - กระโปรง ว่าความได้

คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) มีคำสั่งให้สภาทนายความและเนติบัณฑิตยสภา แก้ไขกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อรับรองสิทธิทนายความหญิงให้สามารถสวมกางเกงหรือกระโปรงเมื่อสวมเสื้อครุยขณะว่าความในศาลได้ เพื่อระงับและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ 

 

1 ธ.ค. 2565 สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2565 คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) มีคำสั่งให้สภาทนายความและเนติบัณฑิตยสภา แก้ไขกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อรับรองสิทธิทนายความหญิงให้สามารถสวมกางเกง หรือกระโปรงเมื่อสวมเสื้อครุยขณะว่าความในศาลได้ เพื่อระงับและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน

วลพ. มีคำวินิจฉัยโดยอาศัยอำนาจตามความมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 วินิจฉัยว่าการบังคับใช้ข้อบังคับฯ หรือการกำหนดวิธีปฏิบัติของ ทั้ง 2 หน่วยงาน ต้องบังคับใช้ข้อบังคับในลักษณะที่ไม่เป็นการขัดหรือแย้งกับหลักการห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศตามที่พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 ได้บัญญัติรับรองไว้ การกระทำภายใต้ข้อบังคับหรือวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งกายของผู้หญิงเมื่อสวมเสื้อครุยขณะว่าความในศาลจะต้องไม่กำหนดข้อบังคับในลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิ แบ่งแยก กีดกัน หรือจำกัดสิทธิประโยชน์อื่นใดๆ ที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฎิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 จึงมีคำสั่งให้ ทั้ง 2 หน่วยงาน ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ด้วยวิธีใดที่เห็นเหมาะสมปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับ กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือแนวปฏิบัติให้สอดคล้องตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 และไม่ขัดหรือแย้งกับหลักการห้ามเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เพื่อรับรองสิทธิทนายความหญิงให้สามารถสวมกางเกง หรือกระโปรงเมื่อสวมเสื้อครุยขณะว่าความในศาลได้ เพื่อระงับและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ระบุ จะดำเนินการยื่นหนังสือร้องขอให้สภาทนายความฯ และเนติบัณฑิตยสภาฯ เร่งดำเนินการตามคำวินิจฉัยของทางคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมทางเพศต่อไป เพื่อให้เกิดการแก้ไขข้อบังคับและมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2529 ที่ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความในเรื่องการแต่งกายระบุไว้ในข้อที่ 20 ที่ให้ทนายความหญิงต้อง “แต่งตามแบบสากลนิยม กระโปรงและเสื้อสีไม่ฉูดฉาด รองเท้าหุ้มส้น” รวมทั้งข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภาฯ หมวด 3 สิทธิของสมาชิก ข้อ 17 ที่กำหนดให้ทนายความหญิงต้องแต่งกายด้วยกระโปรง โดยถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ สำหรับทนายหญิงในการว่าความ ส่งผลให้ทนายความหญิงซึ่งเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภาและสภาทนายความ ถูกผู้พิพากษาตักเตือน ถูกตำหนิติเตียน ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากเหตุแห่งการแต่งกาย หรือถูกห้ามว่าความ เนื่องจากสวมใส่กางเกงไปศาล เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากกฎเกณฑ์ที่ไม่ชัดเจนของสภาทนายความ

ในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้นำรายชื่อของนักกฎหมายและประชาชนกว่า 16,500 รายชื่อที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนแคมเปญ "ทนายความหญิงมีสิทธิสวมใส่กางเกงไปศาล" ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณะ อาทิ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา สภาทนายความฯ และเนติบัณฑิตยสภา ต่อมาทนายความหญิงที่เป็นผู้เสียหาย ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมทางระหว่างเพศ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565 เพื่อให้วินิจฉัยว่า ข้อบังคับของสภาทนายความและเนติบัณฑิตยสภา ทั้ง 2 ฉบับ เป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ โดยเรียกร้องให้แก้ไขข้อบังคับดังกล่าว

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท