ตรีนุช รมว.ศธ. กังวล ‘ร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ’ อาจคลอดไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ หลังพิจารณาไปถึงมาตราที่ 14 จากกว่าร้อยมาตรา ด้าน ดร.วิสิทธิ์ ใจเถิง นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ขอฝ่ายคัดค้าน เห็นแก่ส่วนรวม ชี้ข้อดีเพียบ
26 ม.ค. 66 มติชนออนไลน์รายงานว่า ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … โดยละเอียดเป็นรายมาตรา ซึ่งขณะนี้พิจารณาถึงมาตราที่ 14 ก่อนที่จะปิดการประชุม เพื่อไปพิจารณาในการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไปนั้น ยอมรับว่า ตนมีความกังวลเช่นกันว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … อาจจะพิจารณาไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้มีกว่า 100 มาตรา ประกอบกับขณะนี้ระยะเวลาเหลือน้อย และมีเวลาที่จำกัด แต่ตนเชื่อว่ารัฐสภาจะมีการจัดระเบียบ เรียบร้องความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติให้เสร็จเร็วที่สุด หรือเสร็จทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
ตรีนุช กล่าวต่อว่ากว่าร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ จะดำเนินการมาถึงจุดนี้ก็ผ่านกระบวนการต่างๆ มากกว่า 5 ปี แล้ว ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ถือเป็นกฎหมายที่สำคัญต่อการศึกษา มีรายละเอียดค่อนข้างมากจึงทำให้รัฐสภาจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของประเทศ
ขอฝ่ายต้าน มองประโยชน์ส่วนรวม
ในวันเดียวกัน มติชนออนไลน์รายงานคำพูดของ ดร.วิสิทธิ์ ใจเถิง นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า รัฐสภาจะพิจารณาร่างฯ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า คาดว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ในวาะ 2 และ 3 ภายในเดือนก.พ.นี้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าร่วมพิจารณากฎหมายฉบับนี้เพื่อผลักดันกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปฏิรูปการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะการกระจายอำนาจไปยังสถานศึกษาจะส่งผลให้เกิดการปฏิรูปที่ห้องเรียนและตัวเด็กอย่างแท้จริง
“ผมคิดว่ากฎหมายฉบับนี้ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเพราะเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ส.ส.เพื่อไทย ได้เสนอให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากวาระการประชุม แต่เสียงส่วนมากลงมติให้เดินหน้าพิจารณาต่อ ดังนั้น จึงมีความหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบและประกาศใช้ทันในรัฐบาลนี้ ส่วนกลุ่มที่ออกมาคัดค้าน อยากให้มองประโยชน์ส่วนรวมและข้อดีของกฎหมายฉบับดังกล่าวซึ่งมีอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาไปยังโรงเรียน ทั้งเรื่องการคัดเลือกบุคลากร งบประมาณ และแนวทางการจัดการเรียนการสอน รวมถึงงบประมาณที่จะส่งตรงถึงโรงเรียนโดยตรง ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ ใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนาน ตั้งแต่ช่วงที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ใช้งบไปกว่า 1 พันล้านบาท จึงไม่ควรทำให้เวลาและงบดังกล่าว เกิดความเสียเปล่าโดยไม่ได้ประโยชน์” นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทยกล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)