สมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชนแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งและการออกมาใช้สิทธิอย่างล้นหลามของประชาชนไทย พร้อมเรียกร้องไปถึงกองทัพไทยและรัฐบาลรักษาการยอมรับผลการเลือกตั้ง เพราะการล้มล้างผลลัพธ์นี้จะนำไปสู่ความไม่สงบและทำให้ประเทศไร้เสถียรภาพ

เมื่อ 15 พ.ค.2566 หลังการเลือกตั้งเพียง 1 วัน กลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (ASEAN Parliamentarians for Human Rights: APHR) ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งทั่วไปของไทยและเรียกร้องรัฐไทยปกป้องและธำรงเจตนารมณ์ของประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล

ชาร์ลส์ ซานติอาโก อดีต ส.ส.ของมาเลเซียและยังเป็นประธานร่วมของ APHR กล่าวแสดงความยินดีที่ประชาชนได้ออกไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งของตนเองอย่างล้นหลามและนำประเทศไปสู่ความเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้ง

“ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหล่านี้ได้พูดและส่งสารอย่างชัดเจนว่า พวกเขาต้องการปฏิรูปประชาธิปไตยที่แท้จริง” ประธานร่วม APHR ระบุ

ขณะที่ผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังต้องรอการประกาศจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ภายใน 60 วัน แต่ กกต.ได้ประกาศผลเบื้องต้นมาแล้วว่าพรรคก้าวไกลที่นำโดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์นั้นชนะไปด้วยการได้ ส.ส.ไปแล้วถึง 151 ที่นั่ง และตามมาด้วยพรรคเพื่อไทยที่ได้ 141 ที่นั่ง ทำให้ 2 พรรคได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรรวมกันแล้ว 292 จาก 500 ที่นั่ง ทั้งนี้พรรครวมไทยสร้างชาติที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายทหารที่ได้ครองอำนาจจากการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 ได้ที่นั่งไปเพียง 36 ที่นั่ง

ในแถลงระบุอีกว่า ถึงแม้ชัยชนะอย่างท่วมท้นครั้งนี้แต่พรรคฝ่ายค้านเดิมอาจจะรวมกันจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะยังมี ส.ว. 250 คนที่กองทัพแต่งตั้งเข้ามาจะยังมีสิทธิในการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่

“กองทัพไทยต้องเปิดหูเปิดตามองเห็นสิ่งที่ประชาชนไทยต้องการเสียที เพราะเป็นเวลานานนับปีมาแล้วที่เกิดการประท้วงบนท้องถนนเรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน และพวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านการเลือกตั้งแล้ว” ซานติอาโกกล่าว

“การล้มผลเลือกตั้งและการขัดขวางพรรคที่ชนะจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเป็นการทรยศต่อประชาชนอย่างไร้จิตสำนึกและจะส่งผลให้เกิดความไม่สงบและไร้เสถียรภาพ เพราะฉะนั้นพวกเราจึงเรียกร้องต่อกองทัพและรัฐบาลรักษาการให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องและยอมทำตามเจตนารมณ์ของประชาชน” ประธานร่วม APHR ย้ำเตือนในท้ายแถลงการณ์