Skip to main content
sharethis

โครงการ "พลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน" (Community Solar) กำลังเติบโตทั่วสหรัฐฯ เปิดโอกาสให้ผู้ที่เช่าบ้านหรือผู้ที่ไม่สามารถติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาด้วยตัวเอง สามารถสมัครสมาชิกโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกลางจากฟาร์ม โรงเรียน หรือร้านค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงได้


ที่มาภาพ: Solar United Neighbors (อ้างใน Stateline)

Stateline สื่อที่ติดตามประเด็นท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา รายงานว่าตลอดช่วง 4 ชั่วอายุคน ครอบครัวของสตีฟ ไวน์ (Steve Wine) ได้ดูแลฟาร์มขนาด 600 เอเคอร์ในหุบเขาเชแนนโดอาห์ของรัฐเวอร์จิเนีย เลี้ยงวัว ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง และหญ้าอัลฟัลฟา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฟาร์มของเขาเผชิญกับความยากลำบากจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและตลาดพืชผลที่ตกต่ำ ทำให้ไวน์ต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับความอยู่รอดของฟาร์ม

เพื่อรักษาฟาร์มเอาไว้ ไวน์จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นั่นคือ "พลังงานแสงอาทิตย์"  โดยเขาได้ให้เช่าพื้นที่ 34 เอเคอร์แก่โครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน ซึ่งได้ติดตั้งแผงโซลาร์ที่จะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 5 เมกะวัตต์ โครงการนี้ได้รับเงินทุนจากการสมัครสมาชิกของครัวเรือนประมาณ 1,000 ครัวเรือน ซึ่งจะได้รับเครดิตค่าไฟฟ้าตามปริมาณไฟฟ้าที่โครงการสามารถผลิตได้

"นี่คือรายได้ที่แน่นอน" ไวน์ กล่าว "ผมรักการทำฟาร์ม และนี่คือทางเลือกที่เราต้องทำเพื่อช่วยลดภาระลง"

รูปแบบที่เรียกว่า "พลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน" (Community Solar) กำลังเติบโตทั่วสหรัฐฯ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เช่าบ้านหรือไม่สามารถติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาด้วยตัวเอง สามารถสมัครสมาชิกโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกลางในฟาร์ม โรงเรียน หรือร้านค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงได้

แม้ว่าวิธีการสมัครสมาชิกจะแตกต่างกันไป แต่กลุ่มอุตสาหกรรมกล่าวว่าการสมัครสมาชิกโดยทั่วไปอยู่ที่ 120-135 ดอลลาร์ฯ ต่อเดือน สำหรับหลาย ๆ คน พวกเขาสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 5-20% เลยทีเดียว

สำหรับเจ้าของที่ดินที่ให้พื้นที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ อาจได้รับค่าเช่าประมาณ 30,000 ดอลลาร์ฯ ต่อปี ตามข้อมูลจากนักพัฒนาโครงหารรายหนึ่งที่ให้ไว้กับ Stateline

ผู้สนับสนุนกล่าวว่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนจะมีบทบาทสำคัญในการขยายแหล่งพลังงานสะอาด และช่วยให้ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ แม้ว่าคำจำกัดความจะแตกต่างกันไป แต่ Coalition for Community Solar Access ระบุว่า 20 รัฐมีนโยบายที่สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน "อย่างแท้จริง" ซึ่งกำหนดให้โครงข่ายสาธารณูปโภคต้องให้เครดิตค่าไฟฟ้าแก่ครัวเรือนที่สมัครใช้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้สร้างหรือดำเนินการด้านสาธารณูปโภคเอง

ในปี 2024 สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐในอย่างน้อย 10 รัฐได้เสนอกฎหมายที่จะเปิดใช้งานหรือขยายโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน โดยได้รับแรงผลักดันส่วนหนึ่งจากเงินทุนของรัฐบาลกลาง จากพระราชบัญญัติลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ด้วยการอ้างถึงทางเลือกของผู้บริโภค สมาชิกสภานิติบัญญัติสังกัดพรรครีพับลิกันจำนวนมากได้สนับสนุนข้อเสนอดังกล่าว

แต่ร่างกฎหมายบางฉบับหยุดชะงักลงท่ามกลางการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวจากผู้ดำเนินการโครงข่ายสาธารณูปโภค (เช่น ผู้ให้บริการไฟฟ้าที่มีอยู่แล้ว) ซึ่งโต้แย้งว่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่าย เช่น ค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บเงินและค่าธรรมเนียมการจ่ายไฟฟ้า ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังผู้จ่ายค่าไฟฟ้าที่ไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก

“ลูกค้าในโครงข่ายสาธารณูปโภคคนอื่น ๆ ไม่สามารถอุดหนุนผู้ที่สมัครใช้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนได้" แซค ฮิล (Zach Hill) ผู้จัดการฝ่ายกิจการสาธารณะและชุมชนของ Alliant Energy ซึ่งเป็นบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคในแถบมิดเวสต์ที่ต่อต้านกฎหมายในรัฐวิสคอนซินกล่าว "ไม่มีการคุ้มครองผู้บริโภค [ในร่างกฎหมาย]"

'มันได้ผลแล้ว'


ที่มาภาพ: energy.gov

เมื่อต้นปี 2024 สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐเวอร์จิเนียได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อขยายโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนในรัฐเพิ่มอีก 200 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายไฟฟ้าให้กับ 30,000 ครัวเรือน และเพื่อนำโครงการเหล่านี้เข้าสู่พื้นที่ใหม่ ๆ ของรัฐ

โครงการเริ่มต้นของรัฐเวอร์จิเนียในปี 2022 นั้นมีเพดานกำลังไฟฟ้าอยู่ที่ 150 เมกะวัตต์ ซึ่งกำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดดังกล่าวแล้ว จากการคาดการณ์ในเดือน พ.ย. 2023 โดยกลุ่มที่ปรึกษา Dunsky Energy + Climate Advisors พบว่าจะมีครัวเรือนมากกว่า 12,000 แห่ง สมัครเข้าร่วมโครงการในปี 2023 และจะได้รับเครดิตค่าไฟฟ้ารวมเป็นเงิน 19 ล้านดอลลาร์ฯ หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยประมาณ 130 ดอลลาร์ฯ ต่อครัวเรือนต่อเดือน

เช่นเดียวกับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนอื่น ๆ มาตรการของรัฐเวอร์จิเนียได้ยกเว้นหรือลดค่าสมัครสมาชิกสำหรับลูกค้าที่มีรายได้น้อย ในขณะที่มีการสงวนจำนวนสมาชิกไว้สำหรับครัวเรือนดังกล่าว จนถึงตอนนี้ ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยได้เป็นผู้สมัครทั้งหมดของโครงการ

"ความจริงที่ว่าเรากำลังจะชนเพดานแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการโครงการนี้และมันกำลังได้ผล" ริป ซัลลิแวน (Rip Sullivan) สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐเวอร์จิเนีย จากพรรคเดโมแครต ผู้เสนอกฎหมายสนับสนุนมาตรการขยายโครงการ กล่าว "โครงการเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของพื้นที่เพาะปลูกสามารถเก็บรักษาฟาร์มของพวกเขาไว้ ลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้จ่ายค่าไฟ และทำให้ทุกคนทั่วรัฐสามารถมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด"

เกลนน์ ยังกิ้น (Glenn Youngkin) ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียจากพรรครีพับลิกันได้ลงนามในร่างกฎหมายของซัลลิแวน ให้บังคับใช้เมื่อเดือน เม.ย. 2024

ขณะที่โครงการของรัฐเวอร์จิเนียกำลังขยายตัว รัฐอื่น ๆ ก็มีแผนที่จะจัดตั้งโครงการของตัวเองเช่นกัน สภานิติบัญญัติแห่งรัฐเพนซิลเวเนียได้ผลักดันร่างกฎหมายเมื่อต้นปี 2024 ที่จะสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนในรัฐ โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน มาตรการดังกล่าวเพิ่งถูกส่งไปยังคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา

บริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคบางแห่งในเพนซิลเวเนียได้ร่วมมือกับสมาชิกสภานิติบัญญัติในการกำหนดข้อเสนอนี้ ไบรอัน อาเรนส์ (Brian Ahrens) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารอาวุโสของ PECO ซึ่งเป็นบริษัทไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของรัฐเพนซิลเวเนีย กล่าวว่าโดยทั่วไปแล้วบริษัทสนับสนุนมาตรการนี้ แต่ก็ยังกังวล เช่น ส่วนแบ่งในการจำหน่ายพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนที่ใช้โครงข่ายของบริษัท เขาบอกว่า PECO มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการหารือขณะที่ร่างกฎหมายนี้

"นี่คือสิ่งที่เราต้องการเห็น และจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของเรา" อาเรนส์ กล่าว "เราต้องการให้แน่ใจว่า [โครงการต่าง ๆ] จะจ่ายส่วนแบ่งที่เป็นธรรมของค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อเข้าสู่ระบบจำหน่ายไฟฟ้าของเรา"

ข้อเสนอของรัฐหลายฉบับได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งรวมถึงผู้ที่อยู่ในจอร์เจีย ไอโอวา มิชิแกน มิสซูรี โอไฮโอ เวสต์เวอร์จิเนีย และวิสคอนซิน

"แนวโน้มในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือรัฐที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก นำร่างกฎหมายเหล่านี้ขึ้นมาพิจารณามากขึ้น" แบรนดอน สมิทวูด (Brandon Smithwood) รองประธานฝ่ายนโยบายของ Dimension Renewable Energy ผู้พัฒนาที่ตั้งอยู่ในแอตแลนตาซึ่งได้สร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนใน 11 รัฐกล่าว "มีความต้องการโครงการขนาดเล็กและควบคุมโดยคนในพื้นที่ซึ่งสามารถทำลูกค้าประหยัดค่าไฟฟ้าได้"

การต่อสู้กับบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภค


ที่มาภาพ: energy.gov

ในรัฐมิชิแกน เอ็ด แมคบรูม (Ed McBroom) วุฒิสมาชิกของรัฐจากพรรครีพับลิกัน เป็นผู้นำในการสนับสนุนกฎหมายพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน

"ผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภคที่จ่ายค่าไฟในอัตราที่สูงเกินไป" เขากล่าว "สิ่งนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดเล็กได้"

แมคบรูม กล่าวว่าข้อเสนอของเขาได้รับการต่อต้านจากบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภค โดยพวกเขาระบุว่าต้นทุนในการรวมพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนจะทำให้ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น แต่แมคบรูมตั้งคำถามถึงความจริงใจในข้อกังวลของบริษัทเหล่านี้ต่อผลกระทบที่มีต่อผู้บริโภค และกล่าวว่าผู้นำฝ่ายพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาของรัฐมิชิแกนก็ได้ให้คำมั่นว่าจะจัดการประชุมเพื่อพิจารณาในประเด็นนี้

Consumers Energy บริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคในรัฐมิชิแกนไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์ของ Stateline

ผู้สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนระบุว่าบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคมักจะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับข้อเสนอดังกล่าว

"[บริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคต่าง ๆ] คงอยากผูกขาดระบบโครงข่ายไฟฟ้ามากกว่า และพวกเขามีอิทธิพลต่อระบบนิเวศทางการเมืองทั้งหมด" แมต ฮาร์การ์เทน (Matt Hargarten) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของ Coalition for Community Solar กล่าว

บริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคในรัฐวิสคอนซินประสบความสำเร็จในการต่อต้านข้อเสนอพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนที่ร่างขึ้นโดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ในการให้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ของ Alliant Energy กล่าวว่ามาตรการของรัฐวิสคอนซินล้มเหลวที่จะทำให้มั่นใจว่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนต่าง ๆ จะมีจำนวนผู้ร่วมสมัครที่เพียงพอก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ ผู้นำบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคเกรงว่าข้อเสนอนี้จะบังคับให้พวกเขาซื้อไฟฟ้าจากโครงการที่ไม่มีผู้ร่วมสมัครเพียงพอที่จะดำเนินการได้

Alliant Energy ยังชี้ไปที่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบสมัครสมาชิกของตนเองที่มีให้บริการแก่ลูกค้าในรัฐวิสคอนซินและไอโอวา

แต่ผู้สนับสนุนกล่าวว่าโครงการที่ดำเนินการโดยบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคเอง ไม่ใช่แนวคิดพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่สามารถบรรลุขนาดและการประหยัดต้นทุนเท่าโครงการที่ถูกเสนอโดยนักพัฒนาที่ไม่ใช่ของบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภค

“สิ่งสำคัญคือการสร้างตลาดที่มีการแข่งขันซึ่งเปิดโอกาสให้นักพัฒนาโครงการที่ไม่ใช่บริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคเข้ามามีส่วนร่วม” มาเรีย แมคคอย (Maria McCoy) นักวิจัยจาก Institute for Local Self-Reliance ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ต้องการเสริมสร้างชุมชนท้องถิ่น กล่าว "ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกควรประหยัดเงินได้และไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัย"

ในรัฐวอชิงตัน เดวิด แฮคนีย์ (David Hackney) สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐจากพรรคเดโมแครตได้เสนอร่างกฎหมายพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนในปี 2024 ซึ่งถูกคัดค้านอย่างรวดเร็ว เขายอมรับว่าบริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคในรัฐได้ยกประเด็นความกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขก่อนที่ประเด็นนี้จะสามารถพัฒนาต่อไปได้ในสมัยประชุมหน้า

“แนวคิดเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนยังคงอยู่” เขากล่าว "การทำงานหนักของกระบวนการทางกฎหมาย คือการบรรลุข้อตกลงที่ยอมรับได้สำหรับทั้งสองฝ่าย"

หนึ่งในข้อกังวลของสาธารณูปโภคคือความเป็นไปได้ที่นักพัฒนาโครงการที่ไร้ความสามารถหรือฉ้อโกงจะเอาเปรียบผู้สมัครสมาชิก โดยปล่อยให้บริษัทโครงข่ายสาธารณูปโภคเผชิญกับความไม่พอใจของลูกค้าเอง

"ประชาชนจะมาหาเรา เพราะเราเป็นผู้ที่ใส่ค่าใช้จ่ายและเครดิตเหล่านั้นในบิลของพวกเขา" ฮีเธอร์ มัลลิแกน (Heather Mulligan) ผู้จัดการด้านโครงการพลังงานหมุนเวียนของ Puget Sound Energy กล่าว "เราเปิดกว้างมากที่จะสนทนาต่อไปและหาวิธีที่จะสนับสนุนการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนในลักษณะที่รับรองว่าจะมีการกำกับดูแลจากทุกฝ่าย"

 


ที่มา:
Can’t install your own solar panels? Some areas let you join a community project (Alex Brown, Stateline, 3 May 2024)
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net